สืบเนื่องจากคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวก ลักลอบล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เมื่อวันที่ 6 ก.พ.61 ซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองที่พบเป็นของกลาง ประกอบด้วย ซากเสือดำถูกชำแหละแล้ว 1 ตัว ซากไก่ฟ้าหลังเทา และซากเนื้อเก้ง พร้อมอาวุธปืน โดยเจ้าหน้าที่แจ้ง 9 ข้อหา
ต่อมาวันที่ 10 ก.พ.61 หัวหน้าพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่วิทยาการ กองพิสูจน์หลักฐานเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ได้นำซากสัตว์ป่าคุ้มครองที่ตรวจยึดในคดีนายเปรมชัย ให้กับกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อนำไปพิสูจน์หาระยะวิถีกระสุนเพิ่มเติม
จากการตรวจสอบร่องรอยกระสุนบนหนังเสือดำและกะโหลกเสือดำ การวัดขนาดหนังเสือดำและร่องรอยกระสุนจากแกนสมมุติ การโกนขนเสือดำรอบๆ ร่องรอยกระสุนเพื่อทำการตรวจสอบร่องรอยกระสุนบนซากเสือดำ ซึ่งพบร่องรอยกระสุน 8 รู และมีการจำลองท่ายืนของเสือดำ
กระทั่งวันที่ 23 ก.พ.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการเข้าตรวจค้นภายในบ้านพักนายเปรมชัย กรรรณสูต เมื่อวันที่ 7 ก.พ.61 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบอาวุธปืนทั้งหมด 43 กระบอก และส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจพิสูจน์ พบว่า มีปืนที่ไม่ถูกต้องจำนวน 6 กระบอก (อ่านข่าว : เปิดผลตรวจปืน 43 กระบอกบ้าน “เปรมชัย” พบผิดกฎหมาย 6 กระบอก )
สำหรับข้อกล่าวหาคดีลักลอบล่าสัตว์ป่าสงวน ของนายเปรมชัย พร้อมพวก ขณะนี้มี 9 ข้อหา ส่วนที่เจ้าหน้าที่ด่านกักสัตว์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกได้มาแจ้งความในข้อหาทารุณกรรมสัตว์เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา เพื่อเป็นข้อหาที่ 10 ได้มาถอนแจ้งความเมื่อวันที่ 21 ก.พ. เนื่องจากพิจารณานิยามคำว่า “สัตว์” พบว่าไม่เข้าตามคำนิยามของตามพ.ร.บ.การทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557เนื่องจากมาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้ ระบุว่า “สัตว์” หมายความว่า สัตว์ที่โดยปกติเลี้ยงไว้เพื่อเป็นสัตว์บ้าน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้งาน สัตว์เลี้ยง เพื่อใช้เป็นพาหนะ สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นเพื่อน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการแสดง หรือสัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการอื่นใด ทั้งนี้ ไม่ว่าจะมีเจ้าของหรือไม่ก็ตาม และให้หมายความรวมถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด
ซึ่งคำว่า “สัตว์” ในคดีเปรมชัย หมายถึง “เสือดำ” ยังไม่เข้าประกาศรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงฯ จึงไม่เข้าข้อกฎหมายคำนิยามคำว่าสัตว์ จึงถอนแจ้งความไป และสัตว์ป่าไม่ได้บรรจุอยู่ในข้อกฎหมายพ.ร.บ.การทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 โดยสัตว์ป่าที่อยู่ในป่ามีพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ใช้บังคับอยู่แล้ว
ส่วนความคืบหน้าคดีเปรมชัยพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้นายเปรมชัยมาให้ปากคำเพิ่มในวันที่ 5 มี.ค. โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.สั่งการให้ย้ายสถานที่นัดมาที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. แทน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในพ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุน พ.ศ.2490
ขณะที่สำนวนคดีนี้จะเร่งให้เสร็จก่อนวันที่ 24 มี.ค.ก่อนครบผัดฟ้องฝากขังครั้งที่ 4 เพราะสำนวนเหลือเฉพาะผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์เรื่องเนื้อของกรมอุทยาน ฯ เท่านั้น
9 ข้อหา คดีเปรมชัยและพวก ประกอบด้วย
1.ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 36 และมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535
2.ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 16 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535
3.ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 19 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535
4.ฐานนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามข้อหา 1 (1) ของกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับบที่ 7 (พ.ศ.2538) ออกตามความมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติสงวน
5.ฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507
6.สำหรับความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการแจ้งความกล่าวโทษตามฐานความผิดต่อไป
7.ฐานนำอาวุธปืนเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต
8.ฐานซ่อนเร้น อำพราง รับไว้ซึ่งซากสัตว์ซึ่งได้มาโดยผิดกฎหมาย
9.พระราชบัญญัติอาวุธปืนที่ไม่มีทะเบียน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ