เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้กล่าวย้ำถึง กรณีที่ในปัจจุบันนี้สังคมไทยได้มีการตัดสินผู้คนที่อยู่คนละกลุ่มกันไปก่อนแล้วตามแนวความคิดความเชื่อของแต่ละกลุ่มนั้น ซึ่งบางครั้งการใช้ความคิดของตัวเอง ในการตัดสินมันก็จะทำให้สังคมปั่นป่วนได้เช่นกัน แทนที่จะเกิดความรัก สามัคคี ปรองดอง แต่ก็เกิดได้ยากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอย่างนี้กระจายไปอย่างรวดเร็วในโซเชียลมีเดีย เพราะถูกใจก็แชร์ต่อๆกันไป เช่นกรณีที่มีการนำภาพคนชำแหละหมี ถูกจับติดคุกเลยทันที เพราะนี่คือคนจน มาเปรียบเทียบกับกรณีของนายเปรมชัยล่าเสือดำ ซึ่งเป็นคนรวยยังไม่ติดคุก ซึ่งทำให้สังคมเกิดความเข้าใจว่าทำไมรัฐบาลหรือหน่วยงานมีหลายมาตรฐาน ซึ่งนายกรัฐมนตรีระบุว่าเรื่องเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสังคมจึงขอวิงวอนให้สื่อมวลชนช่วยทำความเข้าใจว่าในข้อกฎหมายคืออย่างไร เช่น คนที่ชำแหละหมีรับสารภาพว่าชำแหละจริง ดังนั้นจึงส่งดำเนินคดีได้เลยแต่กรณีนายเปรมชัยเขาไม่ได้รับสารภาพ จึงต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หากผลการสอบสวนออกมาว่าผิดก็คือติดคุก แต่จะเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ว่าคนจนติดคุกคนรวยไม่ติดคุก เพราะยังเป็นเรื่องขั้นตอนทางกฎหมายที่ทุกคนก็ต่างเข้าใจกันอยู่
“เพียงแต่อารมณ์และการตัดสินของคนในปัจจุบันพิพากษา ทำให้สังคมเกิดรวนคิดว่าเรื่องต่างๆเหล่านี้เป็นเพราะฐานะของคนทำให้กฏหมายต้องเลือกปฏิบัติซึ่งในความจริงไม่ใช่อย่างนั้น นายกรัฐมนตรีจึงอยากให้ทุกคนให้ความสำคัญและทำความเข้าใจกับเรื่องข้อกฎหมาย ดังนั้นหนึ่งข้อในไทยนิยมจึงกำหนดไว้ว่าประชาชนต้องรู้จักบทบาทหน้าที่สิทธิของตัวเอง และรู้กลไกการทำงานของภาครัฐ เพื่อจะไม่ได้ไปต่อว่าหรือด่าใครอย่างพร่ำเพรื่อ” โฆษกรัฐบาลกล่าว
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ