เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 3 มี.ค. ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานเปิดงานขายทอดตลาดทรัพย์สินคดียาเสพติด ประเภทที่ไม่เหมาะสมกับการเก็บรักษา และประเภทที่ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประกอบด้วยรถยนต์หรู เช่น ลัมโบกินี, เบนซ์ และฮาร์เลย์เดวิดสัน รถเก๋ง รถกระบะ และรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ เช่นยี่ห้อยามาฮ่า, ดูคาติ และบีเอ็มดับเบิลยู นอกจากนี้ ยังมีทองรูปพรรณ เครื่องประดับ กระเป๋าแบรนด์เนม เช่น หลุยส์ วิตตอง, ชาแนล, ปราด้า และเฮอร์เมส รวมถึงวัตถุมงคล รวม 395 รายการ ราคาประเมินทรัพย์สินเบื้องต้น 40,350,000 บาท
การขายทอดตลาดทรัพย์สินในครั้งนี้ เป็นการนำทรัพย์สินที่ยึดไว้ระหว่างดำเนินคดีตามพ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีสภาพไม่เหมาะสมในการเก็บรักษา หรือเก็บไว้จะเป็นภาระแก่ทางราชการ หรือหน่วงช้าไว้จะเสี่ยงต่อความเสียหายหรือค่าเสียหายจะเกิน ส่วนแห่งค่าของทรัพย์สิน และทรัพย์สินที่ศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ริบตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประกอบด้วย รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทองรูปพรรณ พระพุทธรูป กระเป๋า แว่นตา พวงกุญแจ และแบรนด์เนม รวมทั้งสิ้น 395 รายการ มูลค่าประเมินเบื้องต้น 40,350,000 บาท
ทรัพย์สินคดียาเสพติดที่นำมาขายทอดตลาดรายการสำคัญในวันนี้ ประกอบด้วย 1.รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อลัมโบกินี ฮูราแคน เริ่มประมูลที่ราคา 21,000,000 บาท 2.รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อเบนซ์ ซี200 บูราติ ไฮบริด เริ่มประมูลที่ราคา 2,000,000 บาท 3.รถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ ยี่ห้อยามาฮ่า อาร์เอ็น40วาย เริ่มประมูลที่ราคา 650,000 บาท 4.รถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู เอส1000 อาร์อาร์ เริ่มประมูลที่ราคา 550,000 บาท 5.รถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ ยี่ห้อดูคาติ มัลติสตราด้า เริ่มประมูลที่ราคา 450,000 บาท 6.พระพุทธรูป จำนวน 104 องค์ และ 7.กระเป๋าแบรนด์เนม 34 รายการ
โดยทรัพย์สินที่ ป.ป.ส. นำมาขายทอดตลาดในครั้งนี้ จะเป็นทรัพย์สินนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ในพื้นที่ ภาคเหนือ ภาคใต้ กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ซึ่งบางส่วนเป็นทรัพย์สินในคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชน เช่น 1.คดีนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ ลักลอบค้ายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2560 ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ สืบเนื่องมาจากการขยายผลการจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิดได้พร้อมของกลางยาบ้า 180,000 เม็ด พร้อมทั้งได้ตรวจยึดทรัพย์สินได้หลายรายการ เช่น รถยนต์ลัมโบกีนี่, รถเก๋ง เมอร์เซเดสเบนซ์, รถยนต์และรถจักรยานยนต์ โฉนดที่ดินและห้องชุด ทองคำรูปพรรณ และอื่นๆ รวม 34 รายการ มูลค่าทั้งสิ้น 61,121,000 บาท
และ 2.คดีเครือข่ายนักค้ายาเสพติดชาวเนปาล ที่เขามาอาศัยในประเทศไทยและลักลอบค้ายาเสพติด สามารถตรวจยึดเฮโรอีน 2,835 กรัม โดยการซุกซ้อนยาเสพติดภายในพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศส่งไปยังประเทศออสเตรเลีย ศาลอาญาได้ออกหมายจับและดำเนินการจับกุมและยึดทรัพย์สินได้ เงินสด รถยนต์ และบัญชีเงินฝาก รวมมูลค่า 4,560,000 บาท
ที่ผ่านมา ป.ป.ส.ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้จัดให้มีการขายทอดตลาดทรัพย์สินในคดียาเสพติดประเภทต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องทุกเดือน มูลค่าที่ได้รับจากการขายทอดตลาด ในช่วง 3 ปี ดังนี้ ปี 2559 (ม.ค.-ธ.ค. 2559) จำนวน 4,257 รายการ มูลค่า 119,360,184.47 บาท ปี 2560 (ม.ค.-ธ.ค. 2560) จำนวน 7,141 รายการ มูลค่า 296,918,652 บาท และปี 2561 (ม.ค.- 3 มี.ค. 2561) จำนวน 86 รายการ มูลค่า 4,662,900 บาท รวมการขายทอดตลาดทรัพย์สิน 11,484 รายการ มูลค่า 420,941,736.47 บาท
นายศิรินทร์ยา กล่าวว่า การขายทอดตลาดทรัพย์สินคดียาเสพติดครั้งนี้ สืบเนื่องจากมาตรการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย ตามยุทธศาสตร์การควบคุมตัวยาและผู้ค้ายาเสพติดของรัฐบาล โดยมุ่งทําลายเครือข่ายการค้าและเส้นทางการเงินของนักค้ายาเสพติด ที่มักนำเงินจากการค้ายาเสพติดเปลี่ยนเป็นทรัพย์สิน เพื่อให้ยากต่อการติดตามและตรวจสอบ โดยทรัพย์สินต่างๆ ที่นำมาขายทอดตลาดเป็นการรวบรวมจากการยึดอายัดทรัพย์สินจากหลายๆ คดี นอกจากนี้ ทรัพย์สินบางส่วนเป็นทรัพย์สินที่ยึดอายัดได้จากการดำเนินยุทธการขยายผลตัดวงจรการเงินเครือข่ายยาเสพติดของ ป.ป.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายศิรินทร์ยา กล่าวต่อว่า ในส่วนของเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สิน ป.ป.ส.จะนำไปสนับสนุนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อนำไปใช้จ่ายในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ทั้งในด้านการปราบปราม ป้องกัน และบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ซึ่งแต่ละปี ป.ป.ส.ได้สนับสนุนงบประมาณให้หน่วยงานต่างๆ ไม่น้อยกว่าปีละ 350 ล้านบาท และยังสนับสนุนทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดไว้ในคดียาเสพติดให้หน่วยงานต่างๆ นำไปใช้ประโยชน์ในทางราชการอีกด้วย
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ