“อ.สายไหม” เปิดใจหลังกระแสสังคมโจมตีหนักกรณีสั่ง “น้องแบม” กราบเจ้าหน้าที่ศูนย์คนไร้ที่พึ่ง ยันเจตนาหวังไกล่เกลี่ยบรรยากาศฝึกงานราบรื่น พร้อมให้น้องแบมกราบฐานะเด็กกราบผู้ใหญ่ ไม่ใช่ให้กราบคนทุจริต ส่วนทุบหลังนั้นเหตุเพราะปิดบังข้อมูล เกิดหมั่นเขี้ยว ไม่ได้โกรธแค้นหรือข่มขู่คุกคามลูกศิษย์ ด้านคณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เผยน้องแบมเหลือแค่ 2 วิชาเรียน ยันน้องแบมจบการศึกษาในภาคเรียนนี้ทันเพื่อนแน่นอน
อาจารย์สายไหม ไชยศิรินทร์ หัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
(7 มี.ค. 61) ที่ห้องอินทนิล คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผศ.ดร.กนกพร รัตนสุธีระกุล คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม พร้อมด้วยคณาจารย์ภายในคณะ เปิดให้สื่อมวลชนซักถามกรณีข้อสงสัยของสังคมต่อการกระทำของอาจารย์ในภาควิชาที่มีต่อ น.ส.ปณิดา ยศปัญญา นิสิตชั้นปีที่ 4 ที่ออกมาเปิดโปงขบวนการทุจริตภายในศูนย์คนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น
อาจารย์สายไหม ไชยศิรินทร์ หัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม อาจารย์ที่สั่งให้กราบเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์คนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น และทุบหลังน้องแบม เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง กรณีที่สั่งให้กราบนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่อาจารย์ทราบปัญหาของนิสิตเกี่ยวกับความไม่สบายใจของนิสิต พบการทุจริตภายในศูนย์ฯ อาจารย์ได้ลงพื้นที่ไปไกล่เกลี่ย ปัญหาระหว่างนิสิตและเจ้าหน้าที่ โดยอาจารย์ไม่สามารถก้าวล่วงได้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และเมื่อไกล่เกลี่ยเสร็จแล้วก็ได้สอบถามนิสิตว่ายังต้องการจะฝึกงานต่อหรือไม่ ขณะที่น้องแบมและเพื่อนจะฝึกงานต่อ เพราะเหลืออีกเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็จะฝึกงานเสร็จแล้ว เพื่อให้บรรยากาศการฝึกงานต่อเป็นไปด้วยความราบรื่น จึงได้ให้นิสิตกราบขอโทษเจ้าหน้าที่ซึ่งกันและกัน ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ก็กล่าวขอโทษด้วย ทั้งนี้ ตอนนั้นอาจารย์บอกให้กราบขอโทษผู้ใหญ่ ไม่ใช่ให้กราบขอโทษคนโกง
ผศ.ดร.กนกพร รัตนสุธีระกุล คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ส่วนกรณีทุบหลังเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา วันนั้นได้เรียกให้นิสิตเข้ามาพูดคุยกันเรื่องการฝึกงาน น้องแบมได้ถามอาจารย์ว่ามีจดหมายจากทาง ป.ป.ท.มาถึงคณะแล้วหรือยัง อาจารย์ก็ว่ายังไม่เห็น จึงได้ขอดูจดหมายจากน้องแบม แต่น้องแบมไม่ได้เอามาด้วย จึงบอกไปว่าอยากให้ทางหน่วยงานทำหนังสือแจ้งมายังคณะแบบเป็นลายลักษณ์อักษร เรื่องที่เกิดขึ้น ณ วันนั้นยังไม่มีใครทราบเรื่องราวข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด อีกทั้งเกิดความสงสัยในกลุ่มเพื่อนที่ไปฝึกงานด้วยกันว่าให้มีการเข้าไปให้ปากคำต่อทาง ป.ป.ท.ซึ่งทุกคนไม่ทราบเรื่อง และเกิดความรู้สึกว่าน้องแบมปิดบังข้อมูลบางอย่าง รู้สึกหมั่นเขี้ยวจึงได้ทุบหลังน้องแบมไป แต่ไม่มีอารมณ์โกรธเกรี้ยว เพราะหากน้องบาดเจ็บบอบช้ำก็คงต้องไปหาหมอแล้ว ไม่ได้ทำร้ายหรือข่มขู่คุกคามแต่อย่างใด
แต่หลังจากที่เป็นข่าวออกไปทำให้เกิดกระแสโจมตีมาที่ตนและคณะอย่างมาก ตนจึงอยากออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมว่าตนเองถูกละเมิดสิทธิ ถูกข่มขู่คุกคามสารพัด ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติสุข ถูกตีตราจากสังคมว่าเราเป็นคนผิด ทั้งๆ ที่ฟังความเพียงข้างเดียว และช่วงบ่ายวันนี้จะเดินทางไปแจ้งความกรณีถูกข่มขู่คุกคามจากเพจข่าว และบุคคลที่นำข้อความเป็นเท็จไปโพสต์บนโลกออนไลน์ และมีคลิปเสียงที่มีคนโทรศัพท์เข้ามาภายในคณะลักษณะข่มขู่ว่าจะกรีดรถของอาจารย์ในคณะทุกคนหากไม่ได้พบตนเอง
ทั้งนี้ ไม่อยากให้มองว่าอาจารย์มีความขัดแย้งกับลูกศิษย์ เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ต้องให้อภัยกัน การให้อภัยถือเป็นการให้ทานอย่างสูงสุด
ด้าน ผศ.ดร.กนกพร รัตนสุธีระกุล คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดเผยว่า ขณะนี้เรื่องการเรียนของ น.ส.ปณิดา เหลือวิชาเรียนอีก 2 ตัว คือ วิชาพัฒนาชุมชนภาคนิพนธ์ ที่เปลี่ยนพื้นที่การทำวิจัยจากจังหวัดขอนแก่น มาอยู่ที่เทศบาลเมืองมหาสารคาม เพื่อให้อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และเพื่อความปลอดภัยของตัวนิสิต ส่วนอีกวิชา คือ วิชาสัมมนาปัญหาพัฒนาชุมชน ที่จะมีการเรียนช่วงเมษายนนี้ ในส่วนของการจบการศึกษานั้นขอยืนยันว่าน้องแบมจะจบการศึกษาในภาคเรียนนี้ทันเพื่อนแน่นอน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ