วันที่ 10 มี.ค. ดร.กณิตา อุ่ยถาวร หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ของกรมอุทยานฯ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Kanita Ouitavon” ชี้แจงรายละเอียดการตรวจดีเอ็นเอจากวัตถุพยานในคดีล่าสัตว์ป่า ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ของ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพรรคพวก
หลังเมื่อวันที่ 9 มี.ค. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เดินทางมาติดตามการรวบรวมพยานหลักฐานการดำเนินคดีกับนายเปรมชัย ที่ บก.ปทส. พร้อมให้สัมภาษณ์ระบุว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานหลังลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดเหตุอีกครั้ง พบมีดพก 2 เล่มในที่เกิดเหตุ มีดีเอ็นเอเสือดำบนมีด แต่ตนคิดว่าไม่น่าจะใช่อาวุธที่ใช้ชำแหละและหั่นกระดูกเสือดำได้ จึงสอบปากคำอย่างละเอียดจนทราบว่า ในที่เกิดเหตุยังมีมีดอีโต้และเขียง เจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ของกรมอุทยานฯยืนยันว่า มีดีเอ็นเอเสือดำติดอยู่ทั้งบนมีดพก มีดอีโต้และเขียง
แต่จากการสอบถามไปยังกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ได้รับรายงานว่าได้รับมีดพกและมีดอีโต้มาตรวจแล้ว (ขาดเขียง) ผลตรวจระบุว่ามีการปนเปื้อนจากสารเคมีที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯใช้ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอเสือดำตั้งแต่ครั้งแรก ทำให้การตรวจดีเอ็นเอบุคคลไม่ชัดเจน เพราะถูกทำลายไป จึงไม่พบดีเอ็นเอที่ตรงกับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน
โดย ดร.กณิตา เขียนระบุว่า เรียน เพื่อนๆ ผู้สนใจติดตามข่าวเสือดำถูกล่าในเขตฯทุ่งใหญ่ทุกท่านนะคะ…
สืบเนื่องจากข่าวในวันนี้ที่กล่าวถึงการติดตามการตรวจพิสูจน์หลักฐานวัตถุพยานในคดีฯดังกล่าว ที่กล่าวว่าพบดีเอ็นเอของเสือดำบนมีดและเขียง แต่ไม่สามารถระบุดีเอ็นเอคนใช้ได้ชัดเจน เหตุเพราะกรมอุทยานฯ นำไปตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำก่อนนั้น อาจทำให้ประชาชนมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้….ดิฉัน ดร.กณิตา อุ่ยถาวร ทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ของกรมอุทยานฯ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบและควบคุมดูแลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอสัตว์ป่าในคดีนี้ ขอชี้แจงให้ทุกท่านเข้าใจ…ดังนี้นะคะ
1.กรมอุทยานฯ โดยหน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ได้รับตัวอย่างวัตถุพยาน (ซึ่งมีมีดทั้ง 6 เล่ม และชิ้นส่วนของเขียงรวมอยู่ด้วย) จาก สภ.ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งมีการระบุว่าได้ผ่านการตรวจลายนิ้วมือและดีเอ็นเอของมนุษย์จากตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมาเรียบร้อยแล้ว ในนั้นมีอุจจาระที่ตรวจแล้วว่าเป็นดีเอ็นเอของคุณเปรมชัย กรรณสูต อยู่ด้วย ซึ่งมีการแจ้งความประสงค์ว่าต้องการนำมาตรวจหาดีเอ็นเอสัตว์ป่าต่อ.. (ดูภาพถุงประกอบค่ะ) และต้องการให้หาว่ามีดีเอ็นเอของเสือดำอยู่ด้วยหรือไม่? ซึ่งทางหน่วยฯ ได้รับตัวอย่างไว้ตรวจตามที่ร้องขอ…จึงแสดงว่าทางกรมอุทยานฯ มิได้นำตัวอย่างวัตถุพยานดังกล่าวนี้มาตรวจหาดีเอ็นเอเสือดำก่อนแต่อย่างใด แต่ตรวจตามที่ตำรวจร้องขอและเป็นผู้นำมาส่งให้ หลังจากที่ทางตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานได้ดำเนินการตรวจดีเอ็นเอของมนุษย์ไปก่อนหน้านั้นแล้ว
2.ในเนื้อข่าวที่ระบุว่า…มีการปนเปื้อนจากสารเคมีที่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ใช้ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอเสือดำตั้งแต่แรก ทำให้ตรวจดีเอ็นเอบุคคลไม่ได้ เพราะถูกทำลายไปแล้ว (อันนี้..เป็นคำกล่าวที่ตลกมากและไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดนะคะ คือไม่มีการใช้สารเคมีอะไรเลยค่ะ) ขอเรียนว่าทางหน่วยฯ ตรวจดีเอ็นเอจาก swab หรือก้านสำลีที่ทางตำรวจป้ายคราบเลือดมาให้เรียบร้อยแล้ว เพียงก้านเดียวก็พบดีเอ็นเอของเสือดำแล้ว ส่วนตัวมีดทั้ง 6 เล่ม ทางหน่วยฯ เป็นผู้เก็บรักษาไว้ให้ (ตั้งแต่วันที่ได้รับมาคือวันที่ 16 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ส่งคืนคือวันนี้ 9 มีนาคม 2561) โดยที่มิได้มีการแตะต้องที่ด้ามมีด หรือตัวมีดแต่อย่างใด อีกทั้งยังใส่ถุงมือเวลาทำงาน ดังนั้นลายนิ้วมือและดีเอ็นเอของมนุษย์ที่จะมีก่อนหน้านั้น จึงยังมิได้ถูกทำลายแต่อย่างใดค่ะ ซึ่งก็ได้ส่งคืนให้แล้วในวันนี้ ดังนั้นทางตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานก็สามารถนำไปตรวจพิสูจน์เพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 ได้อย่างแน่นอนค่ะ
?? คดีนี้เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจมาก ในท่ามกลางการสูญเสีย คือชีวิตที่กลับคืนมาไม่ได้ของเสือดำตัวนี้นั้น…สิ่งที่เราได้กลับคืนมาอย่างเข้มแข็งในตอนนี้ก็คือจิตสำนึกร่วมของประชาชนในการหวงแหนและอยากจะปกปักรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าที่ดูบอบบางของชาติให้คงอยู่ตลอดไป…ในฐานะที่ดิฉันก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีจิตสำนึกร่วมนี้เหมือนกัน ไม่ใช่เฉพาะแค่คนตรวจดีเอ็นเอสัตว์ป่า ก็อยากจะเห็นความถูกต้อง ความยุติธรรม และการไม่บิดเบือนความจริงใดใด รวมทั้งก็อยากเห็นทุกท่านที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้แม้แต่น้อยนึงก็ตาม ได้ทำหน้าที่ของตนอย่างตรงไปตรงมา และบริสุทธิ์ใจ…อยากเห็นทุกคนช่วยกันแสดงออกเพื่อเป็นปากเสียงให้กับสัตว์ป่าผู้น่าสงสารที่ต้องมาตายเพราะถูกมนุษย์ใจร้ายล่าอย่างแท้จริงค่ะ…ได้โปรดช่วยกันเพื่อให้เสือดำตัวนี้ไม่ตายฟรีนะคะ ขอบพระคุณมากค่าา
ข่าวจาก : ข่าวสดออนไลน์, Kanita Ouitavon
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ