จากกรณีในโลกออนไลน์ มีการนำภาพอุปนายกสภาทนายความ และกรรมการสภาทนายความ ขณะแต่งกายเสื้อยืดกางเกงยีน ไปสถานที่ต่างๆ มาโพสต์ พร้อมตั้งข้อสังเกตเปรียบเทียบว่าเหมาะสมหรือไม่ หลังรับเรื่องคนร้องเรียนการแต่งกายของทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ
ล่าสุด (15 มี.ค.61) ทีมข่าวเดินทางมาพบ น.ส.เสาวรียา ไชยยังธัญทวี หรือ “ทนายโก้” กรรมการฝ่ายช่วยเหลือประชาชน สภาทนายความฯ เปิดเผยกับทีมข่าว ถึงกรณีมีแฟนเพจเฟซบุ๊กบางเพจ นำภาพตนสวมเสื้อแขนกุดไปวัด และแต่งกายสวมเสื้อยืด กางเกงยีน รองเท้าแตะ ไปพบชาวบ้าน
น.ส.เสาวรียา เปิดเผยว่า ตนเห็นข้อความดังกล่าวแล้ว รูปดังกล่าวเป็นรูปที่ตนไปวัดจีนแห่งหนึ่ง ซึ่งความจริงวันนั้น ตนมีผ้าคลุม แต่อากาศร้อนจึงนำผ้าคลุมออก และเพื่อนที่เดินทางไปด้วยก็ขอถ่ายรูปดังกล่าวเก็บไว้ โดยจะสังเกตว่าตนจะสวมชุดคลุมยาวเสมอ
ส่วนอีกภาพที่สวมกางเกงยีน เสื้อยืด รองเท้าแตะ ระบุว่า เป็นภาพที่ตนลงพื้นที่พบชาวบ้าน ไปสร้างอาชีพให้กับชาวบ้าน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการวิสาหกิจ สมาคมตำรวจ ทั้งสองภาพเป็นภาพก่อนที่ตนจะมาดำรงตำแหน่งกรรมการสภาทนายความ และตนไม่ได้ลงพื้นที่ในฐานะทนายความ จึงแต่งกายเช่นนั้น
น.ส.เสาวรียา บอกว่า รู้สึกเสียใจ และผิดหวังกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยหากคนเข้าไปในเฟซบุ๊กตน จะเห็นว่ามีหลายรูปที่ตนลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้าน แต่กลับไม่นำมาเผยแพร่ เพียงตนออกมาให้ข่าวที่อาจจะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ กลับถูกโจมตีเช่นนี้ พร้อมยอมรับว่า หมดกำลังในการทำงาน เพราะไม่คิดว่าเหตุการที่มีคนมาร้องเรียน และเจ้าหน้าที่ไปรับเรื่อง จะถูกนำมาเป็นกระแสเช่นนี้
ส่วนกรณีเมื่อวันที่ 14 มี.ค.61 ที่ นายแผน นำหนังสือมาร้องเรียน ยืนยันว่า ไม่ได้มีการนัดหมายกันมาก่อน ตนเห็นว่ามีนักข่าว มีคนมาจำนวนมาก จึงเปิดห้องดังกล่าวต้อนรับ อยากถามสังคมกลับว่า หากปล่อยให้นักข่าว และคนที่มาร้องเรียน เดินไปช่องรับหนังสือตามปกติ ที่เป็นเหมือนออฟฟิตพนักงาน ถามว่าจะเกิดอะไรขึ้น โดยยืนยันว่า คนที่มาร้องเรียน หากมีคนมามากเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ตนก็เปิดห้องนี้รับรองทุกครั้ง ทุกคดี
นอกจากนี้ น.ส.เสาวรียา บอกอีกว่า ไม่ได้รู้จักกับใครเป็นพิเศษ โดยเฉพาะคนที่มายื่นหนังสือร้องเรียน อีกทั้งเหตุที่อุปนายกสภาฯ ต้องลงมารับหนังสือด้วยตัวเอง เนื่องจากตนเป็นผู้ดูแลงานด้านนี้ ซึ่งอยากให้มองอีกมุมหนึ่งว่า หากสภาทนายความปล่อยให้เจ้าหน้าที่มาเป็นตัวแทนรับหนังสือ อยากถามว่า จะมีคนมาพูดต่อว่า ผู้บริหารสภาฯ ไปไหนกันหมดหรือไม่
ขณะที่รับเรื่องร้องเรียน เป็นเพียงการรับเรื่องเพื่อส่งต่อไปตรวจสอบ ตามระเบียบ และมีการคุยกันแล้วว่า จะไม่พูดถึงรายละเอียดเรื่องคดี ส่วนตัวในฐานะกรรมการสภาทนายความ ยืนยันว่า ไม่ได้เข้าข้างใดข้างหนึ่ง สภาทนายความมีหน้าที่กำกับดูแลสภาทนายความ หากตนไม่รับเรื่องคนที่เดินทางมาร้องเรียน จะมีคนหาว่าเข้าข้างพวกเดียวกันอีก
น.ส.เสาวรียา บอกอีกว่า อยากฝากถึงคนที่นำภาพตนไปโพสต์ต่อ หรือทำให้เสียหายว่า การกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไม่ใช่แค่กรณีตน แต่ตนพูดถึงกรณีอื่นด้วย ว่าการกระทำนี้ผิด และมีโทษถึงจำคุก ครั้งนี้ตนเตือนเอาไว้ก่อน ให้โอกาสคนที่ทำผิด หากยังไม่ลบ หรือยังทำต่อ ตนจะเอาเรื่องทางกฎหมาย
ทั้งนี้ น.ส.เสาวรียา ขอร้องว่า ตนทำงานมาเยอะ ช่วยคนมาเยอะ ต้องการกำลังใจ อย่าทำให้ตนต้องหมดกำลังใจเพียงเพราะความชอบหรือไม่ชอบของสังคม ซึ่งสิ่งที่ตนให้ข่าวไป ถึงการแต่กายของทนาย ว่าการสวมเสื้อยืดกางเกงยีน ไม่เหมาะสม เป็นเพียงการพูดในฐานะผู้บริหารของสภาทนายความ ไม่ได้ตัดสินว่า สวมใส่ได้หรือไม่ ตนในฐานะคนกำกับดูแล หากพูดเตือนไม่ได้ สภาทนายความจะดูแลทนายได้หรือไม่
ส่วนภาพการยื่นหนังสือที่ลงในแฟนเพจสภาทนายความ ที่ถูกลบออกไป ตนยอมรับว่า มีการสั่งให้แก้เนื้อหาที่มีการอธิบาย ตนเห็นว่ามีการลงรายละเอียดที่มากเกินไป จึงสั่งให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ทำหารแก้ไข แต่ด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ติดภาระกิจเดินทางไปต่างจังหวัด จึงยังไม่ได้ดำเนินการโพสต์ใหม่เท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม น.ส.เสาวรียา บอกว่า 20 ปี ที่ทำงานช่วยเหลือชาวบ้านมา ตนต้องการกำลังใจ ขออย่านำเรื่องดังกล่าวมาเป็นประเด็น และมาต่อว่าตน
จากนัั้นทีมข่าวได้เดินทางไปพบ นายพัฒนา จาติเกตุ อุปนายกสภาทนายความ เปิดเผยกับทีมข่าวหลังโดนปล่อยรูปในอดีตลงในโลกออนไลน์ ชี้แจงว่า ตนทราบเรื่องแล้ว ภาพที่เห็นแต่งกายเสื้อโปโล กางเกงยีน เดินทางไปโรงพักนั้น ตนเดินทางไปแจ้งความเรื่องส่วนตัว ไม่ได้เดินทางไปในฐานะของทนายความ ไม่ได้ไปว่าความ ซึ่งหากเดินทางไปในลักษณะนี้จะแต่งกายอย่างไรก็ได้
ตนอยากให้คิดกันก่อนที่จะเชื่ออะไร ภาพที่ตนถ่ายภาพคู่กับขวดสุรา ยอมรับว่า เป็นรูปตนจริง แต่โพสต์ไปเมื่อปี 2556 ซึ่งก่อนที่จะมีกฎหมายห้ามเผยแพร่สุรา ลงบนสื่อออนไลน์ ซึ่งตนไม่ผิด แต่คนที่นำมาโพสต์ซ้ำ หรือเอามาเผยแพร่ต่อนั้นมีความผิด อย่างไรก็ตาม ตนจะไปแจ้งความต่อสำนักงานป้องกันปราบปรามการกระทำผิดทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ในวันที่ 16 มี.ค.61
ส่วนภาพที่ถ่ายในสถานบันเทิง ที่มีผู้หญิงอยู่นั้น ยืนยันว่า ไม่ได้ไปเที่ยวพริตตี้ เพียงเข้าไปในผับในบาร์ เที่ยวสังสรรค์ตามปกติ ซึ่งก็เป็นเรื่องส่วนตัวที่สามารถทำได้ ซึ่งตนอยากให้พิจารณาอย่างละเอียด ไม่ใช่บ่นด่ากันไปก่อน เหมือนกับคนที่ไร้การศึกษา
นายพัฒนา เปิดใจว่า ไม่ได้รู้สึกเครียด เพราะครอบครัว และคนที่รู้จักเข้าใจดีว่า เรื่องราวเป็นอย่างไร รวมทั้งกรณีที่ตนพูดไปเมื่อวานนี้ (14 มี.ค. 61) ขณะรับเรื่องของนายแผน ได้มีการชี้แนะเรื่องการแต่งกายของทนายษิทรา รวมทั้งทนายท่านอื่นๆ ที่แต่งกายไม่เหมาะสม นายพัฒนา ระบุว่า เพียงตนพูดเพิ่มเติมไปเท่านั้น ว่าการแต่งการสวมเสื้อยืดไปออกสื่อ ไปพบลูกความมันไม่เหมาะสม ซึ่งนายแผน ไม่ได้มาร้องเรียนเรื่องการแต่งกาย เพียงถือโอกาสพูดเพิ่มเติมไปเท่านั้น จากนั้นตนได้ส่งเรื่องตรวจสอบตามปกติ ซึ่งไม่ได้เปิดซองดู เพียงตนอาสุโสที่สุดขณะนั้น จึงเดินทางลงมารับเรื่อง
ทั้งนี้ที่ตนพูดเตือนไปเพราะอยากปราม หากทนายรายดังกล่าว ไม่อยากอยู่ใต้ข้อบังคับ หรือกฎระเบียบของสภาทนายความ ก็ขอให้ลาออกไป เพราะสภาทนายความเป็นองค์กรวิชาชีพที่ดูแลทนายทั้งประเทศ
ส่วนตัวยืนยันว่า ไม่รู้จักกับ นายแผน และไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับ ทนายษิทรา ไม่เคยมีปัญหาต่อกัน ที่สำคัญไม่ได้อยู่ในสายตาของตนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามหากจากนี้จะมีการเรียกสอบ ตักเตือน หรืออย่างไร ก็จะมีการเรียกเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเหตุที่ตนทำไป เพราะตนกังวลว่า ผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ คนอื่นๆ จะไม่สบายใจ ซึ่งการแต่งกายที่สุภาพ ถือเป็นนโยบายของสภาทนายความอยู่แล้ว
ขอบคุณภาพจาก : เผือกเรนเจอร์
ข้อมูลจาก : อัมรินทร์ทีวี
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ