หลังจากที่โลกออนไลน์แชร์ภาพรถจำหน่ายสินค้าสะดวกซื้อ ที่ชื่อว่า “มินิบิ๊กซี” เข้าไปจำหน่ายสินค้าตามหมู่บ้านต่างๆ จนเป็นที่พูดถึง บางส่วนมองว่าเป็นความสะดวกสบายที่เข้าถึงประชาชน แต่หลายคนได้ตั้งคำถามว่า การนำรถมาจำหน่ายสินค้าในลักษณะนี้ จะกระทบกับการขายสินค้าของรถกับข้าวที่มีอยู่เดิมหรือไม่
ทีมนิวมีเดีย พีพีทีวี ลงพื้นที่ติดตามการขายสินค้าของรถกับข้าวบริเวณซอยรัชดา 44 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ซึ่งภายในซอยนี้มีรถกับข้าวมาขายสินค้าให้ชาวบ้านอยู่เป็นประจำจำนวน 3 คัน
โดยทีมนิวมีเดียได้พูดคุยกับ นายจักรกิจ คำเรืองฤทธิ์ พ่อค้ารถกับข้าว ที่มาจำหน่ายอาหารสด ทั้ง เนื้อสัตว์ ผักสด และเครื่องเทศต่างๆ กับภรรยา มาพร้อมกับเสียงที่คุ้นหู “กับข้าวมาแล้วกับข้าว” ตลอดเส้นทางที่รถเคลื่อนตัวผ่าน แวะจอดตามจุดต่างๆ ที่ชาวบ้านนัดแนะให้มาส่งสินค้า หรือยืนรอโบกเรียกอยู่
นายจักรกิจ เล่าว่า ยึดอาชีพขับรถกับข้าวขายมากว่า 3 ปี ทุกวันจะต้องตื่นตั้งแต่ตี 2 ไปตลาดสี่มุมเมือง เพื่อไปนำของมาจำหน่าย ทั้งผักหลากหลายชนิด เนื้อหมู เนื้อไก่ เป็ด ปลา และเห็ด รวมไปถึงเครื่องเทศ เครื่องปรุงรสต่างๆ มีลูกค้าประจำมากมาย ตั้งแต่พ่อค้า แม่ค้า ร้านข้าวแกง อาหารตามสั่ง ตลอดจนพ่อบ้าน แม่บ้านที่ต้องซื้อหาสินค้าไปปรุงอาหาร เงินลงทุนในแต่ละวันอยู่ที่ 10,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับราคาสินค้า กำไรอยู่ที่ 2,000 บาทต่อวัน นอกจากการตระเวนขายสินค้าแล้ว สิ่งที่มากไปกว่านั้นเขายังมีความคุ้นเคยและเชื่อใจกับลูกค้า บางรายลงทุนสินค้าให้ก่อน และเมื่อลูกค้าขายสินค้าได้จึงจะเรียกเก็บเงินภายหลัง
โดยสินค้าที่ขายดีที่สุด 5 อันดับ คือ 1.ต้นหอม-ผักชี เริ่มจำหน่ายที่ราคากำละ 2 บาท 2.เนื้อหมู ขีดละ 14 บาท /กิโลกรัมละ 140 บาท 3.หอม-กระเทียม ถุงละ 10 บาท 4.ปลา กิโลกรัมละ 90 บาท และ 5.ผักบุ้ง–คะน้า กำละ 10 บาท
เมื่อสอบถามถึงความคิดเห็นกรณีที่มีรถมินิบิ๊กซี ออกมาจำหน่ายสินค้าตามหมู่บ้านต่างๆ เขามองว่า ไม่น่าจะมีผลกระทบมากนัก ถือเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ แต่ก็ขึ้นอยู่ที่ชาวบ้านว่าจะเลือกซื้อสินค้าจากใคร ซึ่งชาวบ้านน่าจะมีความไว้ใจรถขายกับข้าวเจ้าประจำมากกว่า เนื่องจากคุ้นเคยกันมานาน ที่สำคัญเป็นสินค้าราคาถูก และมีคุณภาพ ซึ่งบางคนอาจจะไม่ได้นิยมอาหารแช่แข็งซักเท่าไหร่ ของอาจไม่สดเท่ากับที่รถกับข้าวนำมาขาย
ขณะที่ชาวบ้านที่อุดหนุนสินค้าจากรถกับข้าวเป็นประจำส่วนใหญ่มองว่า การที่มีรถกับข้าวมาจำหน่ายสินค้าในหมู่บ้าน หรือตามตรอกซอกซอยต่างๆ เป็นเรื่องที่ดี เพราะช่วยทั้งเรื่องการประหยัดเวลา ประหยัดค่ารถในการออกไปซื้อหากับข้าวภายนอก ที่สำคัญคนขายก็มาตรงตามเวลา รู้ว่าลูกค้าต้องการสินค้าอะไร และยังสามารถโทรสั่งสินค้าได้ จึงนับเป็นทางเลือกที่ดีของเหล่าพ่อบ้านและแม่บ้าน
แต่ในกรณีที่มีการพูดถึงในโลกออนไลน์เกี่ยวกับรถมินิบิ๊กซีออกมาจำหน่ายสินค้าประเภทอาหารแช่แข็ง และขนมขบเคี้ยวต่างๆ ภายในหมู่บ้าน ชาวบ้านมีความคิดเห็นแบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือ บางส่วนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะในกรณีที่ออกมาซื้อสินค้าที่รถกับข้าวไม่ทัน ก็ยังสามารถซื้ออาหารแช่แข็งเพื่อไว้อุ่นรับประทานได้ ขณะที่ความเห็นอีกฝ่ายหนึ่งบอกว่าจะยังคงอุดหนุนรถกับข้าวอยู่เหมือนเดิม เพราะมีสินค้าที่ต้องการทุกอย่าง และยังสามารถโทรสั่งสินค้าได้อีกด้วย
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน ให้ความเห็นกรณีของบิ๊กซีที่จัดสินค้าใส่รถกระบะเร่ขายตามหมู่บ้านว่า โครงการนี้เป็นเพียงแนวคิดทดลองนำร่องของบิ๊กซี ในการประกอบธุรกิจรูปแบบใหม่ และยังไม่ได้คิดที่จะทำจริงจัง ซึ่งทางกรมการค้าภายในจะติดตามดูเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากกรมการค้าภายในมีหน้าที่ในการดูแลระบบค้าปลีกให้เกิดความเป็นธรรมทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ซึ่งจะดูแลให้เป็นไปตามกฎกติกาของกฎหมาย 2 ฉบับ ที่กำกับดูแลอยู่ประกอบด้วย พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการพ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560
ขณะที่ทางบิ๊กซีแจ้งกับทางทีมนิวมีเดีย พีพีทีวี ว่า รถมินิบิ๊กซี วิ่งจำหน่ายสินค้าอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี บริเวณคลอง 3 วา และมีคันเดียวเท่านั้น ซึ่งทดลองวิ่งมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคม
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ