เมื่อเวลา 12.45 น. ที่อาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)แถลงผลภายหลังเป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ว่า การประชุมวันนี้เพื่อติดตามผลการดำเนินงานในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา โดยการปรับประเทศให้เป็น 4.0 นั้น เพิ่งเริ่มขึ้นในรัฐบาลนี้ โดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาให้บริการประชาชน
นายกฯ กล่าวว่า พร้อมกันนี้ยังได้เน้นย้ำ การเข้าสู่รัฐบาลดิจิทัล เพื่อให้บริการประชาชน ไม่ว่าจะเป็น การมีสัญญาณอินเตอร์เน็ตหรือไวไฟ ครอบคลุมทุกพื้นที่ และย้ำให้ทุกกระทรวงจัดทำแผนงาน โครงการในกรอบงบประมาณของกระทรวงตัวเอง ลดการใช้จ่ายงบประมาณกลาง เพื่อลดภาระงบประมาณของแผ่นดิน และได้สั่งการให้กระทรวงดีอี จัดทำบิ๊กดาต้า เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลสำคัญในการพัฒนาประเทศ สอดคล้องกับนโยบาย 4.0 ของรัฐบาล ลดภาระของประชาชนในการใช้เอกสาร ซึ่งประชาชนสามารถใช้เพียงเลขประจำตัว 13 หลักในการติดต่อราชการ พร้อมกับพัฒนาระบบการจ่ายเงินโดยใช้บัตรเพื่อลดการใช้เงินสด
นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังเน้นย้ำว่าจะทำอย่างไรจึงจะลดความขัดแย้งระหว่างภาครัฐกับภาคประชาชนในการทำงานเพราะแต่เดิมนั้นรัฐจะใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียว แต่วันนี้เราจะต้องหารือร่วมกัน เพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ประชาชนจะมุ่งหวังให้ภาคราชการปฏิรูปเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ประชาชนเองก็ต้องปฏิรูปด้วย มิฉะนั้นก็จะตกรุ่น ยอมรับว่าวันนี้เศรษฐกิจในระดับล่างยังไม่ดีนัก เนื่องจากติดปัญหาเดิมอยู่หลายประการ แต่รัฐบาลก็เร่งพัฒนาโดยมีโครงการเช่น ไทยนิยมยั่งยืน พร้อมให้การตลาดเป็นตัวกำหนดในการปลูกพืชผลการเกษตร
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้มีเรื่องน่ายินดีที่การประมูลข้าวที่ประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งข้าวไทยได้รับการประมูล 1.2 แสนตัน จาก 2.5 แสนตัน นั่นแสดงว่าข้าวไทยได้รับความนิยม โดยวันนี้รัฐบาลได้มุ่งเน้นนวัตกรรมใหม่เกี่ยวกับข้าว คือ น้ำนมข้าว แม้จะมีน้ำนมข้าวจากต่างประเทศเข้ามาขายในไทยแล้ว ดังนั้นคนไทยจึงต้องช่วยกันสนับสนุนคนไทยเอง ยังเป็นผลดีต่อคนที่แพ้น้ำนมจากวัว โดยได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เร่งพัฒนาเรื่องดังกล่าวนี้ แม้ในตลาดของไทยน้ำนมข้าวยังไม่โตมากนัก แต่ก็ได้ให้ทยอยนำออกสู่ตลาดมาเรื่อยๆเพื่อแก้ปัญหาข้าวล้นตลาด และขอย้ำกับเกษตรกรว่า ไม่ว่าจะปลูกอะไรจะต้องคำนึงถึงการตลาดเสมอ เพราะหากปลูกแล้วปริมาณเกินมากๆก็จะมีปัญหา
“ ทุเรียนก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าใครจะไปปลูกทุเรียนก็ได้ เพราะใช้เวลา 5-6 ปี กว่าจะออกผล วันนี้ก็อย่าโวยวายมากนักเลยว่าทุเรียนแพง เดี๋ยวจะกลายเป็นการส่งเสริมให้ปลูกทุเรียนกันมากเกินไป นอกจากนี้ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นการผลิตพลังงานหมุนเวียนของประชาชน นอกจากนี้ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นการผลิตพลังงานหมุนเวียนของประชาชน เพียงแต่เมื่อผลิตมาแล้วจะได้มาขายให้รัฐอย่างเดียวคงไม่ได้”
นายกฯ กล่าวว่า ยังเน้นย้ำเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยการทุจริตจะต้องไม่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด หากพบการทุจริตจะต้องแจ้งมาในทันที และถ้าพบว่าเกิดขึ้นนานแล้ว ก็ต้องให้ระดับกระทรวง หรือระดับหน่วยงานลงไปตรวจสอบ ในแผนงานและโครงการต่างๆนั้น เช่น โครงการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ที่ได้เปลี่ยนวิธีการจ่ายงบประมาณออกไปใหม่ โดยเน้นให้ถึงมือประชาชนโดยตรง การจะบอกว่ารัฐบาลนี้มีทุจริตอยู่คงไม่ได้ เพราะการทุจริตมีเกิดขึ้นในทุกรัฐบาล มันอยู่ที่ว่าจะลดลงได้เพียงใด ที่สำคัญประชาชนทุกคนจะต้องไม่ให้คนทุจริตมาเรียกรับผลประโยชน์ และต้องไม่ไปเสนอผลประโยชน์ให้กับเขา ไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่แสดงความรับผิดชอบแต่ทุกคนจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน และการเลือกตั้งครั้งหน้าจะต้องไม่มีทุจริต รัฐบาลต่อๆไปก็ต้องช่วยกันลดปัญหาเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด เพราะถือเป็นอนาคตของประเทศ ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ จะต้องบรรจุเรื่องการต่อต้านการทุจริตลงในหลักสูตรการศึกษา พร้อมกับต้องมีในข้อสอบด้วย
“ที่ผ่านมาเราพูดกันว่าต้องมีธรรมาธิบาล ต้องไม่ทุจริต แต่อะไรคือเรื่องเหล่านี้ เพราะการเอารัดเอาเปรียบคนอื่นก็ถือว่าเป็นการทุจริต จึงต้องสร้างเรื่องเหล่านี้ให้ประชาชนรุ่นใหม่ รู้สึกรังเกียจการทุจริต อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในอนาคตทุกอย่างจะดีขึ้น เพราะการจัดทำนโยบายในอนาคตนั้น จะต้องคำนึงถึงแหล่งที่มาของรายได้ ถึงแม้การบริหารราชการแผ่นดินจะยากสักหน่อยแต่ถ้าเราซื่อสัตย์ก็จะสามารถทำได้ เพราะการที่จะตอบโต้หรือต่อต้านก็ไม่ช่วยให้ทำอะไรได้เหมือนเดิม” นายกฯ กล่าว
และในวันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ กล่าวผ่านรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตอนหนึ่งว่า “กรณีการสร้างบ้านพักตุลาการ บริเวณเชิงดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมไม่สบายใจ ทุกคนไม่สบายใจ ครม.ไม่สบายใจ เป็นกังวลใจมาโดยตลอด เพราะมีผลกระทบกับพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ผมได้ติดตามข้อมูลข่าวสาร จากหน่วยงานราชการ นักวิชาการ และสื่อทุกแขนง ในทุกแง่มุม ไม่ว่าปัญหาจะเกิดจากใคร และเมื่อใดก็ตาม ผมอยากให้พี่น้องประชาชนทุกคนได้มั่นใจว่ารัฐบาลและคสช.จะพยายามทำอย่างเต็มที่ ด้วยความรอบคอบ ขอให้ไว้ใจผม เหมือนที่เคยไว้ใจมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมาว่าจะต้องหาทางออก ที่ดีที่สุดให้กับประเทศ หลายอย่างเกิดขึ้นมาแล้ว ไปแก้ไขอะไรแบบที่ไม่ระมัดระวังไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับประเทศดังที่กล่าวมาแล้ว ปัจจุบันผมได้มอบหมายให้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะทำงาน เข้าไปพูดคุยหารือ เพื่อหาทางออกร่วมกัน ทราบว่าการพูดคุยในปัจจุบัน เป็นไปในทิศทางที่ดี”
“สิ่งแรกที่ผมอยากให้ทำก่อนเลย คือการปลูกป่าขึ้นมาก่อน เรื่องอื่นเดี๋ยวก็พูดค่อย เจรจาหารือคณะทำงาน ฝ่ายกฎหมายมาดูกัน แต่ข้อสำคัญก็คืออย่าไปแสดงความรังเกียจ ชิงชัง ข้าราชการของศาล เพราะเหล่าข้าราชการเหล่านั้นไม่ได้เป็นคนไปสร้างเอง เป็นเรื่องของนโยบายของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา คราวนี้ก็ต้องมาดูว่าเราจะบริหารจัดการกันได้อย่างไร แต่แน่นอนไม่มีใครไปอยู่ แน่นอน ผมยังไม่อนุมัติให้ใครไปอยู่ทั้งสิ้น แล้วลองบริหารจัดการป่าดูว่ามันจะใช้เวลาในฤดูฝนหน้าจะปลูกป่าขึ้นมาได้ไหม จะทำให้พื้นที่เหล่านั้นเป็นพื้นที่ป่าได้เหมือนเดิมหรือไม่ เรื่องอื่นเดี๋ยวค่อยเจรจาว่ากันต่อไป อย่าเพิ่งมากดดันกันเห็นบอกจะมีการเคลื่อนไหวกันอีก ขอร้องไม่งั้นจะวุ่นวายไปทั้งประเทศ ก็มีคนมาฉวยประโยชน์เข้าไปอีก การเคลื่อนไหวต่างๆนั้น อยากให้ปรับเปลี่ยนทัศนคติ มาสู่การแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีไม่ใช่กดดันกันไปกันมา บางครั้งมันต้องฟังเหตุผลกันบ้าง” นายกฯ กล่าว
ข่าวจาก : ข่าวสดออนไลน์, มติชนออนไลน์
คลิปจาก : ทำเนียบ รัฐบาล
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ