เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.นพ.เหรีญทอง แน่นหนา ผู้ก่อตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน เผยแพร่ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่าการที่หลวงปู่พุทธะอิสระถูกจับกุมและสึกจากความเป็นพระยิ่งส่งผลดี โดยทำให้ยิ่งได้รับความรัก เคารพ ศรัทธามากขึ้น โดยมีข้อความดังนี้
“การกล่าวหาหลวงปู่พุทธะอิสระเพื่อให้ถูกจับ ถูกสึก ยิ่งเป็นคุณแก่หลวงปู่พุทธะอิสระ ยิ่งทำให้ได้รับความเคารพ รัก และศรัทธามากยิ่งขึ้น”
หลังจากข้อความเผยแพร่ออกไป มีผู้แสดงความเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ยกย่องและให้กำลังใจพุทธะอิสระเช่น “จะมีพระสักกี่รูปที่ยอมเอาตัวเองมาเสี่ยงกับปากเหยี่ยวปากกา ยอมให้คนว่าคนด่าทั้งประเทศ เพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย…”
โดยมีชาวเน็ตบางส่วน บางส่วนเข้าไปโต้แย้ง โดยนำรายละเอียดการกระทำความผิดในข้อกล่าวหาไปแสดงในช่องแสดงความคิดเห็น เช่น อ.เจษฏา เด่นดวงบริพันธ์ ที่ไปตอบคอมเม้นต์เช่นเดียวกัน โดยยกข้อกฆมายของคดีที่เป็นทำให้พุทธะอิสระต้องถูกจับสึก โดย อ.เจษ ระบุว่า “มาตรา 250 ผู้ใดทำปลอมขึ้นดวงตราแผ่นดิน รอยตราแผ่นดิน หรือพระปรมาภิไธย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และ ปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสี่หมื่นบาท
ส่วนคำร้องฝากขังคดีปลอมพระปรมาภิไธย ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย.60 นายวิชัย ประเสริฐสุดสิริ เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. ให้ดำเนินคดีกับ ผู้ต้องหาที่นำอักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. และอักษรพระนามาภิไธย ส.ก. มาประดิษฐานหลังองค์พระเครื่อง โดยไม่ได้รับพระราชทานพระบรม ราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9
โดยนายวิชัย ผู้กล่าวหา ตรวจพบทางเว็บไซต์ว่าพระเครื่องดังกล่าว มีการสร้างเมื่อช่วงเข้าพรรษาปี 2554 บรรจุปรอทเมื่อวันที่ 15 ส.ค.2554 ซึ่งถือว่าเป็นวันที่สร้างพระสำเร็จ ผู้กล่าวหาเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ปลอมขึ้นซึ่งพระปรมาภิไธย และใช้พระปรมาภิไธยที่มีการปลอมขึ้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 250, 252
โดยมีการสอบสวนพยานบุคคล พร้อมทั้งตรวจสอบไปยัง “สำนักพุทธศาสนา” ยืนยันตรงกันว่า ผู้ต้องหาไม่ได้รายงานขอพระราชทานพระบรม ราชานุญาต ตามกฎระเบียบของมหาเถรสมาคม และจากการสอบสวนพยานบุคคลเจ้าหน้าที่กรมราชเลขานุการในพระองค์ ยืนยันว่าผู้ต้องหาไม่ได้ขออนุญาตใช้พระปรมาภิไธยย่อ และอักษรย่อพระนามาภิไธย ตามพฤติการณ์และพยานหลักฐาน จึงยืนยันว่า ผู้ต้องหาเป็นผู้สร้างพระนาคปรก อุดปรอทรุ่นหนึ่งในปฐพี ที่เป็นปัญหาในคดีนี้จริง โดยไม่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญอักษรพระปรมาภิไธย และอักษรพระนามาภิไธยย่อไปประดิษฐานหลังองค์พระเครื่องดังกล่าว เหตุเกิดที่วัดอ้อน้อย ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ระหว่างปี 2554-15 ส.ค.2554
พนักงานสอบสวน จึงแจ้งข้อหาฐานปลอมขึ้นซึ่งพระปรมาภิไธย และใช้พระปรมาภิไธยที่มีการปลอมขึ้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 250, 252″
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ