คณะกรรมการพิจารณากฏหมายตำรวจ เตรียมดันกฎหมายสอบสวนคดีอาญา แจ้งความได้ทุกสน. ทำบัตรประชาชน หรือเอกสารต่างๆที่รัฐออกให้หาย ไม่ต้องแจ้งความ แต่ทำบัตรใหม่ได้เลย
เมื่อวัยที่ 18 ก.ค. นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก คณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่จบวาระแรกแล้ว เหลือเพียงบทเฉพาะกาลบางประเด็นเท่านั้นที่ต้องรอไว้ก่อนเพื่อรอข้อมูลสุดท้าย ขณะเดียวกัน คณะกรรมการฯได้เริ่มต้นพิจารณาร่างพ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา ซึ่งเป็นกฎหมายกลางที่ยกร่างขึ้นใหม่ทั้งฉบับเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์สำคัญในขั้นตอนการสอบสวนคดีอาญาของข้าราชการตำรวจ เพิ่มเติมนอกเหนือไปจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพื่อให้ประชาชนมีความสะดวกและได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น
นายคำนูณ กล่าวว่า สำหรับหลักการของร่างพ.ร.บ. ฉบับดังกล่าวที่ผ่านการพิจารณาแล้ว อาทิ
- ให้พนักงานสอบสวนในทุกสถานีมีหน้าที่ และอำนาจรับคำร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ ไม่ว่าเหตุจะเกิดขึ้นในท้องที่ใดก็ตาม และเมื่อรับแล้วต้องสอบสวนเบื้องต้น เท่าที่จะพึงทำได้ และส่งไปยังพนักงานสอบสวนที่มีเขตอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยเร็ว
- สำหรับกรณีแจ้งเรื่องเอกสารประจำตัวต่างๆ ซึ่งรัฐออกให้หาย ไม่จำเป็นต้องไปแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ แต่จะกำหนดให้สามารถไปแจ้งที่หน่วยงานของรัฐผู้ออกเอกสารนั้นที่เดียวได้เลย
โดยกำหนดให้ถือเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐนั้นที่จะต้องรับแจ้งและออกเอกสารใหม่ให้ผู้แจ้ง เช่นเดียวกับกรณีที่มีการกระทำความผิดอาญาในรถไฟหรือยานพาหนะขนส่งสาธารณะ ให้ผู้เสียหายหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่เป็นเจ้าของหรือควบคุมรถไฟหรือยานพาหนะขนส่งสาธารณะมีสิทธิร้องทุกข์หรือกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนในทุกสถานี ไม่ว่าเหตุจะเกิดขึ้นในท้องที่สถานีใด
นายคำนูณ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่คณะกรรมการฯเคยมีความเห็นร่วมกันไว้ อยู่ระหว่างการหารือหาข้อสรุปเพื่อบรรจุไว้ในร่างพ.ร.บ.ฯอีก เช่น กำหนดให้การสอบสวนอาจทำเป็นองค์คณะได้ กำหนดให้ในคดีที่ต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ อาจตั้งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษนั้น ๆ เป็นผู้ช่วยพนักงานสอบสวน หรือที่ปรึกษาพนักงานสอบสวนและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกำหนดไว้ให้ชัดเจนว่าต้องพิจารณารวบรวมพยานหลักฐานของผู้ต้องหาไว้ในสำนวนคดีตั้งแต่ต้นด้วย ไม่ใช่เฉพาะพยานหลักฐานที่ปรักปรำผู้ถูกกล่าวหาเท่านั้น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ