รายงานข่าวความคืบหน้ากรณี ร.อ.สมรักษ์ คำสิงห์ กำลังพลสังกัดกรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ที่ถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแจ้งว่า ขณะนี้กองทัพเรืออยู่ระหว่างรอศาลตัดสิน
เบื้องต้นยังไม่ได้ถือว่า ร.อ.สมรักษ์ เป็นบุคคลล้มละลาย เพราะหลังจากนี้ขั้นตอนของศาลยังมีอีกหลายขั้นตอน เช่นการไกล่เกลี่ยประนีประนอมหนี้ โดยขึ้นอยู่กับอำนาจของศาลในการพิจารณา ในส่วนของกองทัพเรือก็จะต้องยึดตามคำสั่งของศาลเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามระเบียบของกระทรวงกลาโหมมีแนวทางปฏิบัติชัดเจนว่า เมื่อศาลมีคำสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลายจะต้องออกจากราชการ ขณะเดียวกันหากเป็นการล้มละลายด้วยการทุจริตก็จะต้องปลดออกจากราชการ และถอดยศ แต่เชื่อว่ากรณีของร.อ.สมรักษ์ ไม่ได้กระทำทุจริต เป็นเพียงคดีส่วนบุคคลเท่านั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ สมรักษ์ เปิดใจกับจากปากตัวเอง โดยขยายความว่า “พูดกันแบบตรงๆ เอาจริงๆเลยนะ ทางอธิบดี กรมบังคับคดีโทรมาคุยกับผมเมื่อเช้านี้ เพื่อจะนัดให้ไปเคลียร์ วันที่ 25 กันยายน เวลาหนึ่งทุ่ม โดยบอกว่า เมื่อวานนี้สมรักษ์ ยังไม่ได้เป็นบุคคลล้มละลาย เป็นการเข้าใจผิดกัน และอยากให้คุณสมรักษ์ช่วยทำหนังสือขอเลื่อนพิจารณาคดีเรื่องนี้ไปก่อน..!!”
เรือเอก สมรักษ์ คำสิงห์ กล่าวต่ออีกว่า “ผมจะทำหนังสือทำไม ผมเป็นคนนัดคุณเสียเมื่อไหร่ แล้วผมจะนัดคุณทำไม ผมไม่ไป ผมจะอธิบายให้ฟัง เรื่องมันมีมากกว่านั้นอีก บริษัท ผู้ฟ้องร้องผมนี้ มันมีที่มาอย่างไร ผมอยากให้สื่อช่วยเช็ครายละเอียดให้ผมที ล่าสุดเท่าที่ผมรู้และได้ข้อมูลมา มันเป็นบริษัทของคนต่างชาติ ที่ตั้งขึ้นมาแล้วไปรังแกคนอื่นเขา เป็นบริษัทที่ มาช้อนซื้อหนี้เสีย แล้วไปตามทวงหนี้ฟ้องล้มละลายกับคนอื่นๆ ใครกลัวเสียหน้า ก็ยอมจ่ายเงินให้ มีหลายคนโดนแบบนี้มาเยอะมาก ตอนนี้ผมรู้ชื่อ เจ้าของบริษัท และตัวทนายแล้ว ผมอยากให้คดีนี้ เป็นตัวอย่างแก่ประชาชนคนทั่วไปเลยด้วยซ้ำ”
“พอเป็นข่าวว่า ผมถูกฟ้องล้มละลาย มีหลายคนโทรมา ที่เป็นทนายก็มี และอาสาจะช่วยเหลือผม จะช่วยต่อสู้คดีนี้ พร้อมกับเตือนผมว่า มันจะมีพวกหากินแบบนี้ เอาหนี้เสียมารื้อใหม่ ทำงานรับใช้ชาวต่างชาติ นี่แหละคือพวกขายชาติตัวจริง แล้วก็จะไปโทรทวงหนี้ คนที่หนี้เสีย ใครกลัวจะเสียชื่อ เสียหน้า ก็จะยอมความจ่ายเงินให้
แต่ผมไม่ยอม ถ้าจะฟ้องก็ฟ้องไป ตอนนี้มีคนมากมายโทรมาหา บอกจะช่วยเงินผม ผมไม่เอา ผมไม่เดือดร้อน แต่ผมไม่จ่ายให้มัน ผมเป็นหนี้เรื่องบ้าน 4 ล้านกว่า ส่งบ้านไปแล้ว 3.5 ล้าน มันบอกว่า ต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยอีกรวม 9 ล้านบาท ผมเป็นหนี้จริง ทำไมไม่มาบอกตั้งแต่ปีแรกๆ นี่ปล่อยให้ดอกเบี้ยท่วมถึง 9 ล้านผมไม่ยอมจ่ายหรอก”
“ผมจึงอยากให้สื่อมวลชนช่วยตรวจสอบ บริษัท ที่ฟ้องร้องผม มีความเป็นมาอย่างไร เที่ยวหลอกประชาชนทั่วไปปล่อยให้ดอกเบี้ยขึ้นท่วมหัว แล้วไปข่มขู่เขา เอาความจริงเรื่องนี้มาแฉ ไม่แน่ ผมอาจกลายเป็นฮีโร่ ช่วยคนอื่นๆทั่วไปอีกครั้งก็ได้ ผมไม่ยอมมัน มันไม่ยุติธรรมกับเรา ผมไม่เคยรู้จักบริษัท ที่มาทวงหนี้กับผมมาก่อนเลยด้วยซ้ำ..!!”
ยอดมวยเจ้าของฉายา “ไม่ได้โม้” กล่าวอีกว่า “ส่วนเรื่อง รับราชการ ความจริงแล้วเขาก็มีกฏระเบียบ แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา เขาต้องใช้เวลาสอบสวนเป็นปี แล้วต้องดูว่า เราทำเรื่องเสื่อมเสียแก่ราชการ หรือ เอาหน้าที่ไปแอบอ้างหรือเปล่า ทำให้กองทัพเสียหายหรือเปล่า ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ท่านจะพิจารณาและให้ความเมตตาต่อเราหรือไม่..??”
สมรักษ์ กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า “วันพรุ่งนี้ (วันอังคาร 25 ก.ย.) ผมจะไม่ได้คุยหรือไกล่เกลี่ยใดๆทั้งสิ้น แต่ผมจะไปคุยกับทนายและแฟนๆที่เห็นใจ และอาสาพร้อมให้การช่วยเหลือผม เพื่อความกระจ่างในเรื่องนี้ ที่ทำให้ผมและภรรยาต้องเสียหาย”
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ