ความอ้วน นอกจากจะทำให้สุขภาพเสีย หลายคนก็รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะหาชุดสวย ๆ หล่อ ๆ ได้ยาก การลดน้ำหนักจึงเป็นทางออกสำคัญที่หลายคนทำตาม แต่เพราะมันต้องใช้เวลา ใช้วินัย ใช้ความอดทนอย่างมาก ในระหว่างทางจึงมีหลายคนเช่นกันที่สละสิทธิ ยอมแพ้ ขอกลับไปเป็นคนอ้วนแบบเดิมดีกว่า หรือไม่ก็หาทางลัดที่ง่ายกว่าการออกกำลังกาย
เฟซบุ๊ก Manlika Phonvichai ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เลือกใช้ "ทางลัด" โดยการ "ผ่าตัดใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร" เพื่อควบคุมกระเพาะอาหาร ปรับการทานอาหารให้ลดน้ำหนักลงมา แม้จะแพงถึงหลักแสน "18x,xxx" บาท แต่เธอก็พึงพอใจอย่างมากที่น้ำหนักลดไปกว่า 25.5 กิโลกรัม! เธอจึงรีวิวประสบการณ์ของเธอไว้เป็นอีกตัวเลือกของคนที่สนใจ
โดยเธอระบุรายละเอียดว่า…
แชร์ประสบการณ์ลดความอ้วนด้วยการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ยาวหน่อยนะคะ เพราะรายละเอียดค่อนข้างเยอะ
ต้องขอบอกก่อนว่าจริงๆแล้วไม่ได้อ้วนมาตั้งแต่เด็กๆ ปี 56 หนักแค่45 แต่พอเข้ามหาลัยแล้วเปลี่ยนวิธีการกินการอยุ่ คืออยุ่หอ กินดึกกินแล้วนอน ไม่มีการออกกำลังกายทำแบบนั้นมา4ปีเต็มๆ น้ำหนักขึ้นเรื่อยๆจนปี 60 น้ำหนักขึ้นถึง 78.5 เพื่อนทัก ญาติทัก คนรู้จักทักทุกคนว่าอ้วนจนเราไม่อยากออกไปไหน ไม่ค่อยถ่ายรูป และยังมีปัญหาด้านสุขภาพ ประจำเดือนมาไม่ปกติ บางทีขาดไป3-4เดือนเลย จึงเริ่มหาข้อมูลวิธีลดน้ำหนักเพราะกังวลเรื่องสุขภาพของตัวเอง
จนได้พบกับไปพบกับนวัตกรรมการรักษาโรคอ้วนโดยการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร ( Gastric Balloon) การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารนั้นไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล และไม่เจ็บ ทำโดยการส่งกล้อง ซึ่งตัวบอลลูนจะเป็นซิลิโคนทางการแพทย์ และบรรจุน้ำเข้าไปในบอลลูนประมาณ 400-500 ซีซี บอลลูนในกระเพาะอาหาร จะทำให้รู้สึกอิ่มตลอดเวลา และรับประทานอาหารได้ลดลงกว่าเดิม สามารถลดน้ำหนักโดยเฉลี่ย ได้ถึง 24 กิโลกรัม ภายใน 1 ปี วิธีดังกล่าวเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศมาแล้วกว่า 10 ปี
เมื่อศึกษาข้อมูลมาแล้วก็ได้เข้าไปปรึกษาคุณหมอ ที่รพ.เวชธานี แผนกทางเดินอาหารและตับ (ชื่อคุณหมอ นาวาโทนพ.บุญเลิศ อิมราพร )และตรวจร่างกายและสอบถามพฤติกรรมการกินการใช้ชีวิต ความพร้อม หลังจากนั้นก็นัดวันตกลงทำ Gastric Balloon ก่อนทำจะมีการเช็คกระเพาะก่อนว่ามีเเผลหรือไม่ถ้าไม่มีก็ทำได้เลย เอ็กซเรย์ปอด ตรวจเลือด ตอนทำจะวางยาสลบคะ การใส่บอลลูนจะใส่ไปทางปากคะ และใส่น้ำตามเข้าไป ส่วนตัวใส่ไปประมาณ450cc คะใช้เวลาเเค่ ครึ่งชม ตื่นมาก็เสร็จเเล้วไม่เจ็บ ไม่มีแผลผ่าตัด
สำหรับผลข้างเคียงหลังจากใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร จะมีอาการจุกเสียดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ในช่วงสัปดาห์แรก แต่อาการนี้ก็แล้วแต่คนนะคะ เพราะส่วนตัวแล้วไม่มีการอาเจียนเลย แค่พะอืดพะอม ไม่สบายตัวใน2-3วันแรกเท่านั้นเพราะร่างกายเรากำลังปรับตัวเพราะมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอยุ่ในร่างกาย หลังจาก2-3หลังจากนั้นอาการก็ดีขึ้น
การรับประทานอาหาร
วันที่ 1-7 ทานได้แค่น้ำเปล่า น้ำซุป น้ำผลไม้เท่านั้นเพราะกระเพาะกำลังปรับตัว
วันที่8-14 เมื่กระเพาะอาหารเริ่มปรับตัวได้จึงเริ่มทานอาหารอ่อน ย่อยง่ายเช่นโจ๊กละเอียด ไข่ตุ๋น
วันที่15 เป้นต้นไปหาไม่มีปัญหาในการรับประทานอาหาร ก็สามารถเริ่มรับประทานอาหารธรรมดาได้ และควรดื่มน้ำทุกครั้งที่ทาอาหารเพื่อไม่ให้อาหารเกาะบอลลูน และไม่ควรรับประทานเร็วนะคะ ควรทานช้าๆเคี้ยวอาหารให้ละเอียด ควรระวังหากถ้าประทานอาหารมากเกินไปจะรู้สึกจุกท้อง และอาเจียนได้
ส่วนตัวในระยะเวลา1ปีที่ผ่านมาลืมร้านบุฟเฟต์ไปเลยคะแทนไม่ได้เข้า เพราะทานได้น้อยมากๆ ทุกครั้งที่ทานอาหารกับคนอื่นก้จะได้ยินคำว่าอิ่มแล้วหรอ(จนชิน) ในขณะที่เพื่อนกำลังกินอย่างเมามันส์
บอลลูนในกระเพาะอาหารจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี หลังจากครบ 1 ปี แล้วจะต้องมาส่องกล้องเพื่อนำบอลลูนออก ในระหว่างหนึ่งปีสามารถปรับขนาดบอลลูนได้ แต่เราไม่ได้ปรัปนะคะเพราะพอใจในตัวเลขที่ลดในแต่ละเดือน และหากพอใจในน้ำหนักก็สามารถเอาออกได้ก่อนครบ1ปีเช่นกันคะ ตอนเราไปเอาบอลลูกไปถึงก็จะมีการตรวจเลือด เอ็กซเรย์ปอด วัดความดัน ชั่งน้ำหนักประมาณนี้ ก่อนไปเอาบอลลูนออก3วัน ห้ามรับประทานอาหารที่มีกากนะคะ ทานได้แต่น้ำเช่น น้ำซุป น้ำผลไม้และนมคะ เพื่อป้องกันเศษอาหารติดค้างบนบอลลูน มันจะทำให้การดึงเอาบอลลูนออกยาก และเสี่ยงต่อการสำลักกาอารระวางเอาออกคะ หลังจากเอาออกเรามีอาหารเจ็บคินิดหน่อย แต่ทำเสร็จกลับบ้านได้เลยคะ
เชื่อว่าหลายคนต้องมีคำถามว่าถ้าเอาออกแล้วจะกลับมาอ้วนอีกไหม ตอบเลยว่าอยุ่ที่การกินของเราล้วนๆ หาเรากลับมาทานอาหารเยอะ ไม่ของกำลังกาย หรือกลับไปมีพฤติกรรมแบบเก่าที่ทำให้เราอ้วน เราก็มีโอกาสกลับมาอ้วนได้อีก ดังนั้นการใส่บอลลูนเป็นเพียงตัวช่วยให้เราทานอาหารได้น้อยลง เป็นการปรับพฤติกรรมการกิน หลังถอดบอลลูนก็ควรจะควบคุมการรับประทาน และออกกำลังกาย
ในส่วนของราคา ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารที่เราทำเป็น package นอนโรงพยาบาล3 วัน 2 คืน ราคาประมา18x,xxx บาท (แต่ตอนนี้ไม่ทราบว่าเท่าไหร่หากใครสนใจลองสอบถามโรงพยาบาลอีกทีนะคะ) และในระยะเวลา1ปีที่หมอนัดก็จะมีค่ายาแล้วแต่รายบุคคลที่คุณหมอจ่ายยาให้ ของเราถ้าหมอจ่ายยา อยุ่ที่2,000-5,000 บาทต่อครั้งคะ สุดท้ายมีค่าใช้จ่ายในวันนัดเอาบอลลูนออกอีกประมาน 3x,xxx บาท
การลงทุนครั้งนี้เป็นการลงทุนเพื่อนสุขภาพของตัวเอง หากมองในเรื่องที่ได้สุขภาพที่ดีกลับมา สิ่งได้ได้กลับมาคิดว่าคุ้มค่ามากคะเพราะก่อนทำประจำเดือนมาไม่ปกติ ตอนนี้ก็กลับมาปกติเหมือนเดิม เพราะเราน้ำหนักลดลง ฮอร์โมนก็กลับมาปกติ ทำให้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป หลายๆคนเช่นกันที่มีปัญหาสุขภาพจากความอ้วนหากเราน้ำหนักลดก็จะมีสุขภาพที่ดีขึ้นเช่นกัน มันก็คงจะมีหลายคนคิดว่าเงินขนาดนี้นี้เอาไปทำอย่างอื่นดีกว่า ออกกำลังกายเองดีกว่า มันไม่ง่ายนะคะ ที่คนนึงจะลดน้ำหนักได้ 20-25กิโล ส่วนเราลดไป 26 กิโลนะคะ บวกกับได้สุขภาพดีๆกลับมา Gastric Balloon ช่วยได้จริงๆคะ
ใครอยากหาข้อมูลเราขออนุญาตแปะเพจของคุณหมอที่เราทำไว้ให้นะคะ ลองเข้าไปหาข้อมูลกันดูที่เพจ Gastric Balloon By Dr. Boonlertert
หลังจากที่เธอโพสต์รีวิวไปก็มีหลายคนสนใจเข้ามาสอบถามเป็นจำนวนมาก แต่หลายก็มีการแย้งข้อมูลเช่นกัน เช่น การผ่าตัดด้วยวิธีนี้น่าจะเหมาะกับคนที่มีปัญหาสุขภาพจริง ๆ ชนิดที่ว่าอ้วนมาก ๆ 100 กิโลกรัมขึ้นไป แต่สาวคนนี้ไม่น่าจะเลือกทางลัดแบบนี้เลย อาจทำให้เสี่ยงต่อสุขภาพในอนาคตได้ บางคนก็แย้งว่าสาวคนนี้แก้ปัญหาไม่ตรงจุด เพราะความอ้วนที่สาวคนนี้เป็นก็ต้องแก้ที่การกิน การออกกำลังกาย และการพักผ่อน ไม่จำเป็นต้องเสียเงินหลักแสนขนาดนี้ บางคนก็คิดว่าเงินเป็นแสนซื้อคอร์สฟิตเนสดี ๆ ได้ตั้ง 2-3 ปี วิธีการผ่าตัดนี้ควรจะเรียกว่าเป็นทางลัด มากกว่าทางเลือกที่สาวบอกไว้ เพราะสาวคนนี้ไม่ได้อ้วนในขนาดที่แย่มากอะไร ยังพอมีวิธีการลดน้ำหนักที่ได้จริงและถูกจริงกว่านี้เยอะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : Manlika Phonvichai
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ