จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์รูปป้ายทวงหนี้ขนาดใหญ่ ซึ่งมีภาพผู้หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกหนี้ พร้อมระบุชื่อ-นามสกุล และชื่อเล่น และรูปถ่ายบัตรประชาชน เขียนข้อความทำนองว่า เมื่อโกงคนอื่นก็ไม่ควรมีที่ยืนในสังคม จนกลายเป็นที่ฮือฮาในสังคมออนไลน์ถึงวิธีการทวงหนี้ลักษณะดังกล่าว ขณะที่ทนายความได้ให้ความรู้เรื่องดังกล่าวว่า การทวงหนี้ในลักษณะนี้มีความผิดทางกฎหมาย
วันที่ 3 พ.ย. 61 นางอ้อม (นามสมมติ) ลูกหนี้ที่ถูกเจ้าหนี้ขึ้นป้ายทวงหนี้ เปิดเผยว่า ในช่วงที่ตนเองเล่นแชร์กับเจ๊ส้ม (นามสมมติ) เจ้าหนี้ ขณะนั้นตนเปิดร้านเสริมสวยซึ่งจะมีรายได้วันละ 7,000-8,000 บาท ซึ่งมีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าแชร์ต่าง ๆ ยอมรับว่าช่วงนั้นเล่นแชร์หนักมาก มีหลายวงไม่ใช่แค่ของเจ๊ส้มเท่านั้น วงเริ่มต้น 20,000 บาท และ 30,000 บาท พอได้เงินมาก็นำมาหมุนวงแชร์วงอื่นด้วย แต่พอเริ่มเล่นเยอะขึ้น เงินที่ควรจะได้ก็จะโดนหักไป และตนเองได้รับเงินน้อยลง จนกระทั่งเจ้าของที่ร้านเสริมสวยต้องการที่จะนำที่ที่เช่าไว้คืน ตนเองจึงต้องย้ายร้านเสริมสวยเข้ามาอยู่ในซอย ซึ่งลูกค้าเก่าก็ไม่รู้และทำให้ตนต้องหาลูกค้าใหม่ จนทำให้รายได้ของร้านลดลงเหลือเพียงวันละ 1,500-2,000 บาท ทำให้ตนเองส่งแชร์เจ๊ส้มน้อยลง จากหลักหมื่นเหลือแค่หลักพันเท่านั้น และหลังจากนั้นตนแทบไม่ได้ส่งเลย ส่วนร้านเสริมสวยก็ขาดทุนทำให้ต้องปิดร้านไป
ซึ่งหลังจากเปียแชร์เงินออกมา ยืนยันว่าไม่ใช่เงินก้อนจำนวน 200,000 บาท ซึ่งตนไม่แน่ใจว่ากี่บาท เพราะก็ได้ลบไลน์กลุ่มบ้านแชร์ของเจ๊ส้มออกไปแล้ว ส่วนการที่ตนเองหายไปไม่รับโทรศัพท์เจ๊ส้ม ยอมรับว่าอาจทำให้เจ๊โมโหจนต้องขึ้นป้ายทวงหนี้ดังกล่าว ทั้งนี้ตนใช้โทรศัพท์เบอร์เดิม แต่ยอมรับว่าบล็อกไลน์เจ๊ส้มจริง และเงินจากการทำงานที่ไม่คงที่ ทำให้ต้องผลัดจ่ายเงินออกไปอีก เพราะเงินที่จะได้มันกลับไม่ได้ เจ๊ส้มก็ทักมาทวงตนเอง ทำให้กดดันจึงเลือกที่จะเงียบไปก่อน
จากนั้นเจ้าหนี้ได้มีเอาป้ายไปตั้งทวงหนี้ และมีคนไปโพสต์ลงในโซเชียลตนก็รู้สึกกดดัน เพราะเพื่อนก็ได้เอาไปพูดต่อกัน แต่ตอนนี้มีคนเอาป้ายลงแล้วว ส่วนลูกมือคนอื่นไม่ได้มีปัญหาอะไร และเจ๊ส้มสามารถคุยกับลูกมือคนอื่นได้ โดยเจ๊ส้มบอกว่าขอยกเว้นตนคนหนึ่งไว้ได้ไหม ส่วนตั้งแต่เกิดเรื่องตนเองไม่ค่อยได้คุยกับเจ๊ส้ม จะให้น้องสาวเป็นคนคุย เพราะตนเองคุยไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ได้มีการพูดคุยกันแล้วว่าจะผ่อนชำระเดือนละ 2,000 – 3,000 บาท ซึ่งตรงนี้เข้าใจกันแล้ว เพราะตนก็บอกเหตุผลไปว่าตัวเองไปหางานทำไม่ได้เลย เพราะป้ายทวงหนี้ดังกล่าวทำให้ไม่มีคนรับตนเข้าทำงาน
ทั้งนี้ เมื่อตนเห็นป้ายก็รู้สึกโมโหมาก แต่ก็รู้ตัวว่าผิด ไม่ได้คิดว่าจะต้องไปแจ้งความกับเจ้าหนี้แต่อย่างใด ยืนยันว่าไม่ได้โกง ไม่เช่นนั้นคงไม่ขึ้นมาทำงานหาเงินส่งใช้หนี้
ด้านน.ส.ปานวาด เภาสูตร น้องสาวของนางอ้อม เปิดเผยว่า ตนไม่ได้คิดจะไปแจ้งความกับเจ้าหนี้ ที่เอาป้ายดังกล่าวไปติด เพราะเจ้าหนี้ก็ได้รับผลกระทบและเป็นทุกข์ เพราะคนก็จะทักไปถาม โทรไปถามจนต้องปิดเครื่อง และพูดคุยกับตนเองว่าไม่คิดว่าสิ่งที่ทำจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เพราะแค่ทำในวงแคบ ๆ ส่งรูปในกลุ่มบ้านแชร์ แต่เมื่อมีการปล่อยรูปออกมาในโลกโซเชียล ทำให้เป็นข่าวใหญ่
ทั้งนี้ ตนรู้สึกหนักใจอยากให้พี่สาวมีที่ทำมาหากิน เพราะตอนนี้พี่สาวถูกวิพากษ์วิจารณ์จนออกไปทำงานไม่ได้ จึงต้องเก็บตัวแต่อยู่ในห้อง เพราะอาย
ข่าวจาก : อัมรินทร์ทีวี
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ