“ธนาธร” จุดไอเดียดึงงบกองทัพ 6 หมื่นล้านบาท เพิ่มเบี้ยคนชราเดือนละ 2,000 บาท เล็งรื้อภาษีบีโอไอ-เก็บภาษีที่ดินก้าวหน้า ตุนงบ 5-7 แสนล้าน อุดหนุนนโยบาย “รัฐสวัสดิการ”
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ทุบประเด็น” ออกอากาศทางไบรท์ทีวี ช่อง 20 เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยระบุว่า พรรคอนาคตใหม่ตระหนักดีถึงความสำคัญของวินัยการเงินการคลังในการพัฒนาประเทศ หากเป็นนโยบายที่ทำเพื่อหาเสียงโดยไม่สนใจวินัยการคลังของประเทศเลย อาจจะนำมาสู่วิกฤติเศรษฐกิจ และทำให้ประเทศเป็นหนี้เป็นสินมากเกินไป ซึ่งเป็นไปได้หากออกแบบนโยบายทำอย่างไม่ระมัดระวัง
“ผมเชื่อว่าประเทศไทยมีทรัพยากรเพียงพอ เรามีงบประมาณเพียงพอ ที่จะสร้างรัฐสวัสดิการขั้นต้นได้ แม้ว่าจะไม่ดีเหมือนประเทศในยุโรป แต่การเริ่มต้นของการสร้างรัฐสวัสดิการ เรามีทรัพยากรเพียงพอ สามารถทำได้ โดยไม่เสียวินัยการคลัง ยกตัวอย่างการสร้าง “safetyness” หรือการสร้างเครือข่ายหรือตาข่ายที่จะรองรับผู้ที่พ่ายแพ้จากระบบทุนนิยม หรือผู้ที่ต่อสู้กับระบบไม่ได้ เพื่อที่ว่าอย่างน้อยที่สุดเขายังมีที่ยืนขั้นต่ำในสังคมได้บ้าง ซึ่งการทำสิ่งเหล่านี้มันต้องใช้เงิน ดังนั้น ในการออกแบบรัฐสวัสดิการ ต้องบอกด้วยว่าจะเอาเงินมาจากไหน”นายธนาธรกล่าว
นายธนาธร ยกตัวอย่างว่า หากอยากเพิ่มเบี้ยคนชราจาก 600 บาท เป็น 2,000 บาทบาท งบที่เพิ่มขึ้นจะอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งเท่ากับการลดงบทหาร ลดงบของกองทัพที่ได้รับจัดสรรในปีนี้ลง ทั้งนี้ หากคงสัดส่วนงบทหารต่อจีดีพีในปีงบ 2562 ให้อยู่ในระดับเปอร์เซ็นต์เดียวกับเมื่อปี 2558 ก็จะพบว่าเราจะสามารถลดงบทหารลงได้ 6 หมื่นล้านบาท หรือเท่ากับเงินที่จะนำมาจ่ายเป็นค่าเพิ่มคนชรา ดังนั้น ทั้งหมดนี้จึงเป็นเรื่องการจัดสรรทรัพยากร
“ประเทศไทยมีทรัพยากรเพียงพอ ขึ้นอยู่กับเจตจำนงค์ว่าจะเอางบไปให้ใครที่ไหนอย่างไร จะเอางบไปให้กองทุัพ จะเอางบไปให้กลุ่มนายทุน หรือจะเอาประมาณเดียวกัน มาให้สร้างสวัสดิการที่ดีให้สังคม เพื่อให้คนในสังคมมีความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น ซึ่งคนที่จะมีความคิดสร้างสรรค์ ปลดปล่อยพลัง ปลดปล่อยศักยภาพของตัวเองออกมาได้ คือ คนที่ท้องหิว หรือคนที่ท้องอิ่ม ถ้าเราสร้างความมั่นคงให้ชีวิตของประชาชน ลองนึกดูว่าพลังของประเทศจะปลดปล่อยออกมาอีกเท่าไหร่ ปัจจุบันคนเข้าไม่ถึงสวัสดิการของรัฐเยอะมาก แรงงานนอกระบบ ฟรีแลนซ์ เกษตรกร คนขับรถแท็กซี่ คนทำงานในปั๊มน้ำมัน พ่อค้าแม่ขาย”นายธนาธรกล่าว
นายธนาธร กล่าวว่า งบส่วนอื่นที่จะนำมาใช้สนับสนุนนโยบายรัฐสวัสดิการได้อีก คือ งบบีโอไอ หรืองบที่เรายกเว้นภาษีให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่ในประเทศไทยและต่างประเทศ ยกตัวอย่างอาลีบาบา เรายกเว้นภาษีนิติบุคคล 20% ให้เขาเป็นเวลา 15 ปี แต่คนที่ทำธุรกิจเล็กต้องจ่ายภาษี เปิดร้านกาแฟต้องจ่ายภาษี แต่คนที่ลงทุนเป็นพันล้านบาทไม่ต้องจ่ายภาษี
“กลุ่มทุนใหญ่ๆในประเทศไทย แทบไม่ต้องจ่ายภาษีทั้งหมด ตัวเลขจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) บอกเราว่า เรายกเว้นภาษีให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่ ปีละ 2 แสนกว่าล้าน 2 แสนกว่าล้าน เพียงพอจะดูแลงบบัตรทองได้ ซึ่งเราจะยกเลิก และปฏิรูปการยกเว้นภาษีกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ โดยจะต้องจ่ายภาษีเท่ากับร้านค้าปกติที่จ่าย 20% ซึ่งหากปฏิรูปการเก็บภาษีทั้งแพ็กเกจ เราคิดว่าจะได้เงินจากสิ่งเหล่านี้มาได้ 5-7 แสนล้านบาท เพื่อนำไปจัดทำนโยบายรัฐสวัสดิการ”นายธนาธรกล่าว
นายธนาธร กล่าวต่อว่า แม้กระทั่งการเก็บภาษีที่ดิน ซึ่งจะพบว่าที่ดิน 60-70% กระจุกตัวอยู่ในมือกลุ่มทุนขนาดใหญ่ หรือคนที่รวยที่สุด 10% ของประเทศ ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงที่ดินทำกินได้ และเกิดปัญหาที่ดินรกร้างว่างเปล่า รวมทั้งที่ดินมีราคาสูงขึ้น ดังนั้น พรรคอนาคตใหม่เห็นว่ามีแนวทางที่จะเก็บภาษีที่ดินในอัตราที่ก้าวหน้าได้ ซึ่งจะทำให้ราคาที่ดินต่ำลง คนเข้าถึงปัจจัยการผลิต เข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ถูกลง และที่ดินที่นำมาใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากขึ้น
“ภาษีที่ดินของเรา จะมีความก้าวหน้ากว่าของคสช. โดยเราจะเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นอีก 4 หมื่นล้านบาท ส่วนชาวบ้าน คนยากจน ซึ่งเป็นที่ดินผืนแรก และเป็นที่ดินที่ใช้ทำประโยชน์ทางเศรษฐกิจ แน่นอนเราต้องยกเว้นอยู่แล้ว”นายธนาธรกล่าว
นายธนาธร ยังระบุว่า การปฏิรูปภาษีบีโอไอ แม้ว่าจะกระทบต่อธุรกิจของกลุ่มไทยซัมมิท โดยจะทำให้ต้องเสียภาษี 800-1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร ส่วนการจัดเก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้านั้น ส่วนตัวไม่มีที่ดิน แต่คุณแม่มีที่ดินที่ซื้อสะสมไว้ ซึ่งหากมีการเก็บภาษีจริง คุณแม่ก็เข้าใจแม้ว่าจะต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น เพราะคุณแม่รักความเป็นธรรมและอยากให้สังคมไทยมีความเท่าเทียมกัน
นายธนาธร กล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเห็นว่านโยบายของแต่ละพรรคการเมืองมีก้าวหน้ามาก และแม้ว่าทุกพรรคการเมืองจะพูดหลายนโยบายเหมือนกันหมด อาทิ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร แต่ยังมีโครงสร้างหนึ่งที่กดทับประเทศไทยที่ต้องแก้ไข
“พรรคอนาคตใหม่ต้องปักธงทางความคิดให้ชัดเจนว่าประเทศต้องเดินไปทางไหน ด้วยการทำลายโครงร้างการเมือง เศรษฐกิจที่เอื้อประโยชน์กับอภิสิทธิ์ชนอยู่ แต่สำหรับผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร พรรคจะเอาชนะด้วยความคิด เพื่อชนะหัวจิตหัวใจประชาชนต้องเอาความถูกต้องไปพูด ไมใช่เอานโยบายการตลาด เพื่อให้ทุกคนเห็นร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาให้สังคมไทย แต่ผมคงไม่ประเมินที่นั่งของส.ส. แต่ที่ผ่านมาพอใจกับคะแนนนิยมที่ได้มา จากนี้อีก 90 วันถึงวันเลือกตั้งอะไรก็เกิดขึ้นได้ ที่จะเห็นประชาชนผลักดันพวกเราไปให้ไกลกว่านี้”นายธนาธรกล่าว
ข่าวจาก : BrightTV
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ