“บิ๊กป้อม” เคาะ 3.4 พันล้านบาท จ่ายเงินช่วยชาวสวนปาล์ม 1.5 แสนราย รับไร่ละ 1,500 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 15 ไร่ ชงเข้า ครม.ด่วน ด้าน กนย.ไฟเขียว จ่ายเงินพยุงค่าครองชีพชาวสวนยางไร่ละ 1,800 บาท
นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานเห็นชอบโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มในอัตราไร่ละ 1,500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 22,500 บาท วงเงินรวม 3,458 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณที่จะจ่ายให้เกษตรกรวงเงิน 3,375 ล้านบาท, งบประมาณชดเชยต้นทุนเงินให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน 73.4 ล้านบาท, ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าธรรมเนียมโอนเงินของ ธ.ก.ส.วงเงิน 1.5 ล้านบาท และงบบริหารโครงการ 8.3 ล้านบาท โดยจะเร่งเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้เร็วที่สุด ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 10 เดือน ตั้งแต่ ธ.ค.61-ก.ย.62
สำหรับแหล่งงบประมาณที่จะนำมาใช้ในโครงการจะให้ ธ.ก.ส.สำรองจ่ายไปก่อน และให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 63 ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป เพื่อชดเชยตามผลการจ่ายเงินที่เกิดขึ้นจริง โดยปัจจุบันมีเกษตรกรชาวสวนปาล์มที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตร ในส่วนที่ปาล์มน้ำมันให้ผลผลิตแล้วหรือมีอายุเกิน 3 ปี มีจำนวน 150,000 ราย พื้นที่รวม 2.25 ล้านไร่
ทั้งนี้ เกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องแจ้งยืนยันขอรับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการกับกรมส่งเสริมการเกษตรก่อน โดยต้องมีคุณสมบัติดังนี้ คือ เกษตรกรต้องมีสัญชาติไทยและบรรลุนิติภาวะ, เป็นหัวหน้าครัวเรือนตามทะเบียนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้, เป็นเกษตรกรที่เปิดบัญชีเงินฝากไว้กับ ธ.ก.ส. และเป็นเกษตรกรชาวสวนปาล์มที่มีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิรวมทั้งสิ้น 47 รายการตามหนังสือของกรมป่าไม้ และเป็นพื้นที่ที่ปาล์มน้ำมันให้ผลผลิตแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ให้เหตุผลประกอบการเสนอโครงการครั้งนี้ว่า สืบเนื่องจากผลผลิตปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 61 ขณะที่ความต้องการใช้ภายในประเทศและการส่งออกอยู่ในภาวะชะลอตัว ส่งผลให้มีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบคงเหลือเกินระดับสต๊อกปกติ กระทบต่อค่าครองชีพและความสามารถในการจัดการสวนปาล์มน้ำมันของเกษตรกร ดังนั้น เพื่อลดภาระค่าครองชีพ ควบคู่กับการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร ให้สามารถรักษาศักยภาพการผลิตปาล์มน้ำมันต่อเนื่อง และรักษาคุณภาพของผลผลิตจึงมีความจำเป็นเร่งด่วน ที่จะต้องเยียวยาความเดือดร้อนให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่มั่นคง และมีความเข้มแข็งในการประกอบอาชีพชาวสวนปาล์มน้ำมันต่อเนื่อง
ด้านนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จะเริ่มรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบในราคากิโลกรัม (กก.) ละ 18 บาท เตรียมไว้ตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค.62 เป็นต้นไป รวมจำนวนทั้งสิ้น 160,000 ตัน เป็นระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งเกษตรกรจะได้ราคาขายผลปาล์มดิบไม่ต่ำกว่า กก.ละ 3.20 บาท โดยจะรับมอบน้ำมันปาล์มดิบที่ท่าเทียบเรือโรงไฟฟ้าบางปะกง ใช้เงินในการซื้อน้ำมันปาล์มดิบรวมทั้งสิ้น 2,880 ล้านบาท ซึ่ง กฟผ.จะขอรับเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างต้นทุนการผลิตกระแสไฟฟ้า 525 ล้านบาท ส่วนต่างที่เหลืออีก 829 ล้านบาท กฟผ.จะทำความตกลงกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเพื่อปรับลดเงินรายได้นำส่งเข้ารัฐ จัดเป็นรายจ่ายเพื่อสังคม (พีเอสเอ) เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้า
สำหรับเรื่องการแก้ปัญหายางพารา นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแก้ไขปัญหายางพาราใน 4 โครงการ ตามที่การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เสนอ คือ 1.โครงการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรชาวสวนยาง โดยบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องค่าครองชีพของเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท.ไร่ละ 1,800 บาท ไม่เกินรายละ 15 ไร่ แบ่งเป็นเจ้าของสวนยาง 1,100 บาทต่อไร่ คนกรีดยาง 700 บาทต่อไร่ 2.โครงการสร้างถนน 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร (กม.) เป้าหมายสร้างถนนลาดยางมะตอยผสมยางพาราหรือถนนพาราซอยด์ซีเมนต์ทั่วประเทศ 75,032 หมู่บ้าน รวมระยะทาง 75,032 กิโลเมตร (กม.) งบประมาณ 92,327 ล้านบาท 3.โครงการบริหารจัดการรักษาเสถียรภาพราคายางของสถาบันเกษตรกร รวบรวมและแปรรูปยางเพื่อการส่งออก วงเงินสินเชื่อ 5,000 ล้านบาท และ 4.โครงการลดพื้นที่ปลูกยางพาราเพื่อปลูกพืชอื่นทดแทน.
ข่าวจาก : ไทยรัฐออนไลน์
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ