จากกรณีกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ นางธมลวรรณ อายุ 36 ปี หลังจากโพสต์รูปคู่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน แต่ใส่สร้อยทองคำเส้นโต มองว่ามีฐานะ แต่เบียดบังสิทธิของคนจน กระทั่งเจ้าตัวชี้แจงว่า ปัจจุบันไม่ได้มีฐานะร่ำรวย โดยทำบัตรดังกล่าวเมื่อ 2 ปีก่อน ครั้งยังตกงาน ตอนนี้ทำงานส่งน้ำแข็ง มีรายได้แค่พอใช้ในแต่ละวัน ส่วนสร้อยคอทองคำที่เห็น ได้มาจากการเก็บออม
วันที่ 11 ธ.ค. 61 นายสุทัศน์ อายุ 50 ปี สามีนางธมลวรรณ เปิดเผยว่า เฟซบุ๊กของภรรยาถูกโซเชียลถล่มหนัก มีหลายคนเข้ามาต่อว่า แต่ตนเองและภรรยาไม่ได้เครียด เพราะไม่ได้ร่ำรวยตามที่คนวิจารณ์ และไม่ได้ส่งผลกระทบกับงานส่งน้ำแข็ง ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะขอบัตรคืน ตนเองก็พร้อมที่จะคืนบัตรนี้ให้
พร้อมยืนยันว่าการโพสต์รูปไม่ได้ต้องการอวดรวย แค่ดีใจที่รัฐบาลแจกเงินปีใหม่ 500 บาท โดยตนเองกับภรรยามีรายได้ เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว ตกเดือนละ 10,000 บาทต่อคน ภรรยาทำบัตรคนจนเมื่อ 2 ปีก่อน ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตอนตกงานไม่มีรายได้ มาคบกับตนได้ประมาณ 10 เดือน ย้ายมาช่วยส่งน้ำแข็งที่ จ.เชียงราย ความเป็นอยู่ก็เลยดีขึ้น
ส่วนรถกระบะป้ายแดง นายสุทัศน์ ชี้แจงว่า ตนเองมีรถกระบะเก่าๆ 1 คัน และดาวน์รถกระบะป้ายแดงมาโดยไม่เสียค่าดาวน์ เสียเงินแค่ 4,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการออกรถ และต้องผ่อนรถเดือนละ 7 พันบาท เป็นเวลา 7 ปี ซึ่งเงินค่าผ่อนรถ นายสุทัศน์บอกว่าเป็นเงินตนเองที่ส่งค่างวดรถ ไม่ใช่เงินภรรยา
ด้านสร้อยทองคำเส้นโตที่ภรรยาสวมใส่ ยอมรับว่าเป็นทองจริง แต่ซื้อทีละสลึงเริ่มจากเส้นเล็ก ๆ เมื่อมีเงิน จึงนำไปเปลี่ยนเพิ่มน้ำหนักเป็น 50 สตางค์ ไปจนถึงตอนนี้สร้อยทองน้ำหนัก 1 บาท 50 สตางค์ ไม่ได้ใช้เงินก้อนซื้อสร้อยทอง
อย่างไรก็ตาม ตนวอนสังคมโซเชียลหยุดดราม่า ขอให้เข้าใจว่าครอบครัวตนเองไม่ได้ร่ำรวย เช่าบ้านอยู่เดือนละ 3 พันบาท ไม่มีตู้เย็นใช้ มีแค่โทรทัศน์ เครื่องเล็ก ๆ เครื่องละไม่กี่พันบาทเท่านั้น ถ้ารวยจริง ก็ต้องมีบ้านใหญ่โตเป็นของตนเองแล้ว
ข่าวจาก : อัมรินทร์ทีวี
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ