นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทเห็นแนวโน้มเรื่องการวางแผนทางการเงินเพื่อความมั่นคงในระยะยาว ซึ่งจากการประเมินของมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนา ผู้สูงอายุที่ระบุว่ากลุ่มคนอายุ 25-55 ปี ให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงินให้เพียงพอสำหรับการเกษียณอายุในอนาคตถึง 55%
โดยที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ควบคู่กับการมีอิสระทางการเงินหลังเกษียณ ทำให้บริษัทได้ร่วมกับธนาคารออมสินในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อ “HomeForLife” ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางการเงินที่มีจุดเด่นจากการผสมผสานระหว่างสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในรูปแบบปกติ และ Reverse Mortgage หรือการจำนองแบบย้อนกลับ หรือเป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุทางเลือกในวัยเกษียณ
ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในทุกช่วงชีวิตโดยภายหลังอายุ 60 ปี ลูกค้าสามารถนำที่อยู่อาศัยที่มีกรรมสิทธิ์และปลอดภาระหนี้วางเป็นหลักประกันกับธนาคารออมสินเพื่อเปลี่ยนเป็นรายได้ โดยเลือกรับเป็นรายเดือน หรือก้อนใหญ่ โดยที่ผู้กู้ยังคงมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยนั้นตลอดช่วงชีวิต
ผลิตภัณฑ์สินเชื่อดังกล่าว เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นยอดลูกค้าแสนสิริใช้บริการสินเชื่อกับธนาคารออมสินเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 50% ภายในระยะเวลา 1 ปี หรือเพิ่มจาก 700 ล้านบาท เป็นกว่า 1,000 ล้านบาท โดยลูกค้าซื้อบ้านหรือคอนโดของแสนสิริ และใช้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ HomeForLife จะทำให้ภาระการผ่อนชำระหนี้น้อยลง 10% หรือผ่อนแค่ 9 ล้านบาท
“คาดว่าจะสามารถกระตุ้นยอดขายทั้งบ้าน และคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะในกลุ่มราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป และกลุ่มเป้าหมายอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งมีความเข้าใจเรื่องการเงินพอสมควร” นายวันจักร์กล่าว
วงเงินกู้ย้อนกลับ 70 %
ด้านนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน กล่าวว่าผลิตภัณฑ์สินเชื่อ HomeForLife ถือเป็นนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ที่เป็นการร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และสถาบันการเงิน โดยปกติเงื่อนไขของสินเชื่อแบบ Reverse Mortgage จะปล่อยกู้ให้กับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งจะนำที่อยู่อาศัยที่ตนมีกรรมสิทธิ์ และปลอดภาระหนี้มาเปลี่ยนเป็นรายได้ในการดำรงชีพทั้งแบบเงินก้อนและรายเดือน
แต่สำหรับแพคเกจสินเชื่อ HomeForLife จะสร้างจุดเปลี่ยนในการตัดสินใจกู้เงินเพื่อซื้อที่พักอาศัยของคนไทย โดยการนำ Reverse Mortgage มาผสมผสานสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยในรูปแบบปกติ สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการของแสนสิริทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมด้วยอัตราการผ่อนชำระที่ต่ำกว่าปกติ
เมื่อผู้กู้มีอายุครบ 60 ปี และที่อยู่อาศัยนั้นปลอดภาระหนี้แล้ว ธนาคารออมสินจะประเมินมูลค่าที่อยู่อาศัยจริง ณ ขณะนั้นเพื่อกำหนดวงเงินสินเชื่อแบบย้อนกลับ โดยผู้กู้สามารถเลือกรับเป็นเงินก้อนหรือเงินงวดรายเดือน และหากผู้กู้อายุครบ 60 ปี แล้วแต่สถานะที่อยู่อาศัยยังไม่ปลอดภาระหนี้ยังสามารถขอเบิกเงินสินเชื่อแบบ Reverse Mortgage งวดแรกในอัตรา 10% เพื่อนำมาปิดภาระหนี้ของที่อยู่อาศัยที่ยังเหลืออยู่ได้อีกด้วย
ซึ่งเหมาะสำหรับผู้บริโภคในทุกกลุ่มอายุ ด้วยระยะผ่อนชำระที่นาน ทำให้ผู้กู้สามารถรับรายได้จากเงินกู้นานสูงสุดจนถึงอายุ 85 ปี (โดยกำหนดระยะเวลาของการกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยตามปกติสูงสุดถึง 30 ปี และระยะเวลาของการกู้แบบย้อนกลับแบบ Reverse Mortgage สูงสุดถึง 25 ปี โดยผู้กู้จะได้เงินวงเงินกู้แบบย้อนกลับ 70% ของราคาประเมิน ณ เวลานั้น)
เมื่อครบกำหนดสัญญาแล้ว หากผู้กู้ยังมีชีวิตอยู่ ธนาคารจะหยุดจ่ายเงินกู้ โดยผู้กู้ยังคงมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยนั้นตลอดชีวิต หรือทำเรื่องกู้เพิ่มเติม หากผู้กู้เสียชีวิต ทายาทของผู้กู้สามารถไถ่ถอนที่อยู่อาศัยนั้นได้ ภายใต้เงื่อนไขการเจรจากับธนาคาร
“ผลิตภัณฑ์ Reverse Mortgage ส่วนหนึ่งเป็นการมองให้เห็นว่าการซื้อที่อยู่อาศัย ถือเป็นการลงทุนไม่ได้เป็นภาระหนี้ ดังนั้นถ้ายังไม่ตัดสินใจซื้อบ้านตั้งแต่ตอนนี้เพราะกังวลว่าจะเป็นหนี้ ถือว่าคิดผิด เพราะในวันหน้าก็ไม่มีปัญญาซื้อ เพราะราคาบ้านจะขึ้นไปเรื่อย แต่ถ้าลงทุนวันนี้ เริ่มผ่อนวันนี้ ก็จะเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงขึ้นในอนาคต และจะกลับมาเป็นรายได้ของเราในวันข้างหน้า”นายชาติชายกล่าว
อย่างไรก็ตาม แสนสิริ ยังได้เปิดตัวแคมเปญ “โปรหมดเปลือก” โดยนำโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียมและทาวน์เฮาส์ พร้อมอยู่กว่า 30 โครงการทั่วประเทศ พร้อมข้อเสนอพิเศษ ครอบคลุมโครงการที่อยู่อาศัยทุกกลุ่มราคา ตั้งแต่วันนี้จนถึง 15 มี.ค.นี้
ข่าวจาก : ข่าวสดออนไลน์
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ