พรุ่งนี้มีลุ้น! ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ชี้ชะตา ‘เปรมชัย’ คดีล่าเสือดำ ป่าทุ่งใหญ่





พรุ่งนี้ลุ้นคำพิพากษาศาลจังหวัดทองผาภูมิ ตัดสินคดี เปรมชัย ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน ล่าเสือดำป่าทุ่งใหญ่นเรศวร หลังอัยการยื่นฟ้อง 6 ข้อหา

เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก นำกำลังเข้าจับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน เข้าไปลักลอบล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี พร้อมของกลางเป็นซากเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา เก้ง พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก เหตุเกิดระหว่างวันที่ 4-6 ก.พ.2561 ซึ่งในชั้นสอบสวนทั้ง 4 คน ให้การปฏิเสธ

โดยอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กับพวก ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 219/2561 ใน 6 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ฐานร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ฐานร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต

3.ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ฐานร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต 5.ฐานร่วมกันช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำความผิดกฎหมาย และ 6.ฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต

หลังจากผ่านการสอบพยานโจทก์-จำเลย ไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2561 ทั้งฝ่ายโจทก์-จำเลย ยื่นแถลงการณ์ปิดคดีนี้ต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ ไปเมื่อวันที่ 25 ม.ค.2562 ซึ่งศาลจังหวัดทองผาภูมิ นัดฟังคำพิพากษาในวันพรุ่งนี้ 19 มี.ค.62 เวลา 09.00 น.

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561 นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน (นายยงค์ โดดเครือ นางนที เรืองแสง และนายธานี ทุมมาศ) เข้าไปท่องเที่ยวในเส้นทางสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ในโปรแกรม 2 วัน 1 คืน โดยใช้เส้นทางที่เปิดให้ท่องเที่ยวชื่อ ทินวย-ทิคอง-มหาราช ระยะทาง 30 กิโลเมตร

กระทั่ง 4 กุมภาพันธ์ 2561 เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ได้รับรายงานว่าคณะของนายเปรมชัย ลักลอบตั้งแคมป์พักแรมในจุดบริเวณห้วยปะชิ ซึ่งเป็นจุดที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ซึ่งไม่อนุญาตให้ตั้งแคมป์ จึงส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ และพบกับซากสัตว์ป่าคุ้มครอง คือไก่ฟ้าหลังเทา และเก้ง จึงขยายพื้นที่ตรวจสอบพบอาวุธปืนลูกกรดติดลำกล้อง 1 กระบอก ปืนไรเฟิลติดลำกล้อง 1 กระบอก และปืนลูกซองแฝด 1 กระบอก จึงควบคุมตัวนายเปรมชัย และพวกไปที่สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก

5 กุมภาพันธ์ 2561 เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบพื้นที่เพิ่มเติม และพบกับเรื่องราวสะเทือนใจผู้พิทักษ์ป่า พบซากเสือดำถูกชำแหละเนื้อ และถลกหนังถูกห่อด้วยถุงดำพร้อมด้วยเครื่องกระสุนปืนอีกจำนวนมากที่ถูกซุกซ่อนไว้ใกล้กับแคมป์พัก จึงได้ควบคุมตัวเปรมชัย และพวกส่งดำเนินคดีที่ สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

นายเปรมชัย และพวกถูกแจ้งความดำเนินคดี 9 ข้อหา ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ สอบสวนนายเปรมชัย ให้การปฏิเสธ ก่อนที่ในช่วงบ่ายศาลจังหวัดทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี อนุญาตให้ประกันตัว 4 ผู้ต้องหาคดีล่าสัตว์ฯ ด้วยวงเงินประกันคนละ 150,000 บาท เมื่อวันที่ 6 ก.พ.

ผู้สื่อข่าวถาม นายเปรมชัย ว่า มาทุ่งใหญ่บ่อยไหม นายเปรมชัยตอบว่า มาเป็นครั้งที่ 2 ในชีวิต โดยครั้งแรกเมื่อประมาณ 30 กว่าปีที่แล้ว ที่สร้างเขื่อนเขาแหลม ครั้งนี้มาเที่ยวพักผ่อน เพราะจะแก่ตายอยู่แล้ว จึงขอมาสักครั้ง และเมื่อสอบถามถึงกรณีที่เกิดขึ้น นายเปรมชัยตอบสั้นๆ ว่าตนไม่เกี่ยวข้อง

แต่อย่างไรก็ดี เมื่อเกิดประเด็นดราม่าในโลกโซเชี่ยล มีการขุดหลักฐานมัดนายเปรมชัยโดยเผยภาพจากเฟซบุ๊กของผู้ใช้รายหนึ่งซึ่งโพสต์เอาไว้เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2016 หรือเมื่อปี 2559 ในภาพมี นายเปรมชัย กรรณสูต และมีนายยงค์ โดดเครือ พรานคนสนิท ปรากฏอยู่ด้วยกัน และทางเจ้าของเฟซบุ๊กยังได้ตอบคอมเมนต์คนที่มาถามว่า “พี่ไปทำอะไร” โดยตอบว่า “เที่ยวป่าล่าสัตว์” จึงค้านกับคำพูดของนายเปรมชัย ว่าไม่เคยเข้าป่า มาครั้งแรก!

สำหรับการตรวจสอบหาวิถีกระสุน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จำลองเหตุการณ์ยิงเสือดำ โดยนำซากเสือดำพาดบนท่อนไม้พร้อมนำกะโหลกมาใส่ ในลักษณะคล้ายเสือยืน เพื่อหาวิถีกระสุน โดยเจ้าหน้าที่พบว่า เสือดำมีรอยยิงทั้งหมด 5 นัด ถูกยิงเข้าทางฝั่งขวา และผู้ที่ยิงน่าจะอยู่ตำแหน่งยิงที่สูงกว่าเสือ โดยกระสุนยิงเข้าจากด้านหน้าตัวเสือดำผ่านไปด้านหลัง และมีทิศทางของกระสุนทำมุม 30 องศา

จากการตรวจดูอย่างละเอียดในเบื้องต้น พบมีร่องรอยกระสุนในตัวเสือทั้งหมด 5 รู ด้วยการใช้หลอดกาแฟเสียบช่องกระสุนที่พบในตัวเสือดำบริเวณใบหูฝั่งขวา 1 นัด หัวกะโหลก 1 นัด และลำตัว 3 นัด รวมทั้งหมด 5 รูกระสุน

หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เกิดเหตุอีกหลายครั้ง และพบทั้งพยานหลักฐาน และวัตถุพยานเพิ่มเติมอีกหลายรายการ นำมาซึ่งการสรุปสำนวนส่งอัยการพิจารณาส่งฟ้องศาล และคดีก็ดำเนินเรื่อยมาในชั้นศาล กระทั่งศาลจังหวัดทองผาภูมิได้นัดฟังคำตัดสินในวันพรุ่งนี้

ข่าวจาก : ข่าวสดออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: