เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 62 ที่ผ่านมานั้นสมาชิกเฟสบุ๊ก ”Torsak Sukvimol” หรือ พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 ได้ออกมาแชร์เรื่องราวสุดซึ้งน้ำตานองความว่า…
แม่ป่วยถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล จากที่หมอบอกมา อาการป่วยของแม่หนักมาก และแม่ก็ดูซูบผอมไปมาก เหมือนกับต้นไม้ในหน้าแล้ง ผอมแห้งซูบเซียว ผมของแม่เต็มไปด้วยหงอกสีขาว นอนอยู่บนเตียงเล็กมีผ้าห่มสีขาว
ของโรงพยาบาลห่มอยู่ แม้ผมจะนั่งอยู่ที่นี่ แต่ยังคงห่วงงานที่บริษัท ผมรับโทรศัพท์ครั้งแล้วครั้งเล่า…
หากลูกงานยุ่งก็กลับไปเถอะ ที่นี่มีพยาบาลดูแล แม่พูดขึ้นมา ไม่มีอะไรครับแม่ ผมไม่ยุ่งผมบอกออกไป ทั้งๆ ที่ใจอยากจะกลับไปเคลียร์งาน แต่สายตาของแม่ปิดผมไม่ได้หรอก แม่อยากให้ผมอยู่ด้วย ผมเป็นลูกคนเดียวของบ้าน พ่อก็ตายจากไปแล้ว แม่ไม่ได้แต่งงานใหม่ เลี้ยงผมจนโตไม่ใช่เรื่องง่าย ตอนนี้แม่ต้องการผม ผมจะทิ้งแม่ไปได้อย่างไร แม้การอยู่ที่โรงพยาบาลในหนึ่งวันจะต้องสูญเสียรายได้ไปหลายแสนก็ตามแม่ต้องตรวจเช็คอาการหลายอย่าง
และผมต้องอุ้มแม่นั่งรถเข็นเพื่อไปตรวจเช็คที่ห้องปฏิบัติการ เพราะแม่ผอมแห้งจนเดินเองไม่ได้ ครั้งแรกที่ผมได้อุ้มแม่ ตอนที่ก้มตัวลงไปอุ้มนั้น ผมแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ ผมเคยอุ้มลูก อุ้มภรรยา แต่ผมไม่เคยอุ้มแม่เลยสักครั้ง ไม่เคยคาดคิดว่าแม่จะตัวเบาอย่างนี้ น้ำหนักไม่ถึง 40 โล แม่ผอมจนเห็นกระดูก ดูแม่จะค่อยข้างวิตก
อุ้มแม่ไหวไหม? แม่ถามขึ้นมา ดูเหมือนแม่จะไม่อยากให้ผมอุ้ม เพราะระหว่างแม่ลูก ผมไม่เคยอุ้มแม่เลย แต่คนไข้อื่นๆ และญาติที่มาเยี่ยมรอบๆ ต่างก็พูดสรรเสริญว่า “คุณโชคดีจังเลย มีลูกกตัญญู ให้ลูกอุ้มเถอะ รู้สึกยังไงบ้าง? ดูเหมือนแม่น้ำตาคลอ ผมก็รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างมาอุดอยู่ในอก
จึงรีบอุ้มแม่ไปที่ห้องปฏิบัติการ มือของแม่จับผมไว้แน่น แม่คงรู้สึกกลัว ผมรู้ แม่คงไม่อยากให้ผมลำบาก แต่ต่อให้อย่างไรก็ตาม แค่นี้มันยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำกับสิ่งที่แม่เลี้ยงดูผมมา
ผมคิดเสมอมาว่าแม่แก่แล้ว หาสิ่งอำนวยความสะดวกให้แม่ก็พอแล้ว ส่วนความรักความเอาใจใส่นั้น ยกให้ลูกและภรรยา ภรรยามักจะอ้อนให้ผมอุ้มอยู่บ่อยๆ ภรรยาของผมสมบูรณ์และหนักกว่าแม่มาก แต่เมื่อวันนี้ผมได้อุ้มแม่ ถึงรู้ว่า แม่ก็ต้องการอ้อมกอดของผมเช่นกันในเดือนนั้น ผมอุ้มแม่ไปๆ มาๆ จนสุดท้ายแม่ก็เดินได้เอง ตั้งแต่วันที่ผมได้อุ้มแม่ จากนั้นเป็นต้นมา ระหว่างผมกับแม่ก็มีการสื่อสารกันมากขึ้นแม่เล่าเรื่องตอนที่ผมเป็นเด็กให้ฟัง
ผมปิดมือถือเมื่อมาอยู่กับแม่ ฟังแม่เล่าเรื่องความซนของผมเมื่อสมัยยังเป็นเด็ก อาการป่วยของแม่ดีวันดีคืน คุณหมอบอกว่า คนไข้ประเภทนี้สามารถฟื้นตัวได้ขนาดนี้เรียกได้ว่าปาฏิหาริย์ ไม่นานเท่าไหร่ แม่ก็ออกจากโรงพยาบาล ผมเริ่มกลับไปยุ่งกับงานเหมือนเดิม
แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ ทุกวันอาทิตย์ ผมจะต้องกลับบ้านไปหาแม่ และสิ่งที่ผมทำเป็นสิ่งแรกเมื่อถึงบ้าน ก็คือกอดแม่และอุ้มแม่ เพราะผมรู้ว่าแม่ไม่ได้ต้องการเงินทอง แต่แม่ต้องการความรักความเอาใจใส่จากลูก การกอดและการอุ้มแม่เป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับผมอ้อมกอดของลูก คือของขวัญสุดวิเศษที่แม่ได้รับในวัยชรา ที่เงินทองก็หาซื้อมาไม่ได้”
แม่บอกกับผมในคืนส่งท้ายปีเก่า พูดเสร็จแม่ก็ร้องไห้ออกมา ลูกชายของผมเข้าไปกอดย่าและบอกว่า “ย่าครับ หนูก็อยากกอดย่าเหมือนกัน” ภรรยาของผมก็เข้ามากอดแม่และพูดว่า “แม่คะ หนูก็อยากกอดแม่เหมือนกันค่ะ”
นั่นเป็นอาหารคืนส่งท้ายปีที่อิ่มใจเป็นที่สุดสำหรับผม จากนั้นเป็นต้นมา ผมก็รู้ว่า ความรักนั้นไม่ต้องพรรณนาให้มากมาย แค่เพียงกอดแม่ก็เพียงพอแล้วหากแม่ของคุณยังมีชีวิตอยู่ คุณลองกอดหรืออุ้มแม่ดูนะครับ แม่ครับ ผมขออุ้มแม่นะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก : Torsak Sukvimol
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ