เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 10 พ.ค. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วย นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และ นายสุริยะใส กตะศิลา ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ โดยมีกองเชียร์เดินทางมาต้อนรับ สวมกอดให้ดอกไม้เป็นที่น่ายินดี ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคักเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ยังมี ส.ศิวรักษ์, น.ส.รสนา โตสิตระกูล, นพ.มโน เลาหวณิช ร่วมรอรับแกนนำพันธมิตรด้วย โดยแกนนำได้ก้มกราบพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยทุกคนต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ตนในฐานะพสกนิกรของพระองค์ท่านถือว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่ง เป็นเรื่องน่ายินดี ทั้งนี้ ตนได้ศึกษาพระราชกฤษฏีกา พบว่าในพระราชกฤษฎีกาครั้งนี้มีความพิเศษคือ 1.ก่อนจะปล่อยนักโทษออกจากเรือนจำนั้น ทางกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงกลาโหม มีการจัดอบรมหลักสูตร 5 วัน เตรียมการนักโทษก่อนปล่อยตัว เมื่อนักโทษรู้ว่าจะได้ปล่อยตัว ก็ถึงกับส่งเสียงดังเลยทีเดียว
2.ในมาตรา 17 ของพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ มี 7 หน่วย ประกอบด้วย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เข้ามาดูแลช่วยเหลือประชาชน ไม่ให้นักโทษที่ได้รับการปล่อยตัวไปกระทำผิดซ้ำอีก ถือว่าเป็นพระราชปณิธานของพระองค์ที่ต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข ให้คนเป็นคนดี
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตนถือว่าได้ทำหน้าที่ในฐานะปวงชนชาวไทยในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ เมื่อศาลมีคำตัดสิน พวกตนก็เคารพ ไม่ได้หลบหนี เมื่อออกจากเรือนจำแล้ว ก็จะทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติต่อไป โดยจะตรวจสอบเรื่องการทุจริตและความเหลื่อมล้ำในสังคม ส่วนนายสนธิ ลิ้มทองกุล นั้น พวกตนไม่ได้พบที่เรือนจำ แต่เจอกันที่ใต้ถุนของศาล พบว่าสบายดี แต่ก็มีปัญหาเรื่องสุขภาพ
นายสุริยะใส กล่าวว่า จากนี้ไปถือเป็นบทเรียนชีวิต การติดคุกไป 87 วัน ก็ได้คิดทบทวน ยืนยันว่าไม่เปลี่ยนแนวทางพร้อมพิสูจน์ความสุจริตในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าคำตัดสินศาลจะเป็นอย่างไร การหนีคดี การวิจารณ์ศาล ไม่ทำให้ชาติบ้านเมืองดีขึ้น จากนี้ก็จะสู้คดีต่อไป ตนขอขอบคุณทางเรือนจำ ตนไม่อยากให้มองนักโทษว่าเป็นขยะ เป็นคนเลว ต้องปรับทัศนคติตรงนี้
ตนขอเรียกร้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเพื่อช่วยให้เกิดความสงบสุข ทั้งนี้ ในเรือนจำตนได้พบคนเสื้อแดง ก็ได้นั่งคุยกันทั้งเรื่องการเมือง ชีวิต เห็นอกเห็นใจกัน ก็ได้สรุปบทเรียนของใครของมัน แกนนำก็วิจารณ์ความผิดพลาดของตัวเอง ได้วิจารณ์ตัวเอง จากนี้แต่ละคนก็คงจะเขียนหนังสือบอกเล่าเรื่องราวในเรือนจำตามความถนัดของใครของมันส่วนการเคลื่อนไหวของพวกตนนั้น ขอเรียนว่าแกนนำได้ยุติบทบาทไปแล้ว ที่ผ่านมาก็ติดคุกไม่ได้อ่านข่าว ตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหว ต้องมาพูดคุยกันอีกที
ด้าน นายพิภพ เผยว่า อยากให้มีการทบทวนกระบวนการยุติธรรม ไม่ให้ส่งคนเข้าคุกอย่างเดียว ต้องมีระบบใหม่ ตนอยากให้คณะนิติศาสตร์ทั่วประเทศไม่ให้สอนกฎหมายแบบท่องจำ แต่ต้องวิจัยหาวิธีการให้คนเข้าคุกน้อยสุด รวมถึงมหาวิทยาลัยทั่วประเทศควรมีวิชาคุกศึกษา เพื่อให้รู้ว่าคุกนั้นจริงๆ เป็นอย่างไร
ข่าวจาก : ONE31, ข่าวสดออนไลน์
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ