“บิ๊กตู่”เตรียมแถลงนโยบายหลังถวายสัตย์ฯ มารดาประชารัฐเริ่มทันที เพิ่มบัตรคนจน800 ดันแกร๊บถูกกฎหมาย กัญชาเสรีก็เอี่ยวด้วย





พลังประชารัฐเตรียมนัดตัว “พรรคร่วม” หารือเรื่องการเขียนนโยบายของรัฐบาลตั้งแต่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดได้ส่งนโยบายของพรรคมาที่พลังประชารัฐแล้ว

พลังประชารัฐ-ประชาธิปัตย์ชิงธงประกันราคาข้าว

โดยพรรคประชาธิปัตย์เตรียมส่ง “3 ว่าที่รัฐมนตรี” 1.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค-ว่าที่รมว.เกษตรและสหกรณ์ 2.นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค-ว่าที่รมช.มหาดไทย และ 3.นายจุติ ไกรฤกษ์ อดีตเลขาธิการพรรค-ว่าที่รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

“นโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่เราคิดว่าจะสามารถทำได้ทันที มี 3 นโยบาย ที่เราจะเสนอต่อที่ประชุม ได้แก่ 1.นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นโยบายนี้ขึ้นกับกระทรวงการคลัง 2.นโยบายพักหนี้เกษตรกร 3.นโยบายมารดาประชารัฐ ถือเป็นนโยบายหลักของพรรค ส่วนนโยบายกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทย คงเป็นหน้าที่ของ รมว.สาธารณสุข” นายอุตตมกล่าว

“ส่วนนโยบายที่ผมมองว่า จะต้องพูดคุยกันอย่างรอบคอบ คือ นโยบายเรื่องการเกษตร จากเดิมที่พรรคพลังประชารัฐเสนอให้ราคาข้าวเปลือกเจ้า ต้องได้รับเกิน 10,000 บาทต่อตัน ข้าวหอมมะลิต้องได้เกิน 15,000 บาทต่อตัน และเพิ่มค่าเก็บเกี่ยวจากไร่ละ 1,500 บาท เป็น 2,000 บาท ซึ่งนโยบายนี้เป็นงบที่ผูกพันและต้องคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า เห็นด้วยกับแนวทางนี้หรือไม่ หากไม่เห็นด้วยก็ต้องมาประสานหาข้อสรุปร่วมกัน เพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับได้”

มารดาประชารัฐ ทำทันที

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กุมความได้เปรียบเพราะเป็น “คนถือเงิน” โดยกระทรวงการคลัง เคยให้ “สัญญาประชาคม” ไว้ว่าจะ “ทำทันที” อาทิ “มารดาประชารัฐ” ตั้งครรภ์รับเดือนละ 3,000 บาท รวมสูงสุด 27,000 บาท ค่าคลอด 10,000 บาท ค่าดูแลเด็ก เดือนละ 2,000 บาทจนครบ 6 ขวบ รวม 144,000 บาท รวมทั้งสิ้น 181,000 บาทต่อเด็ก 1 คน

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แม้โควตาเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะอยู่กับ “อุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรคแกนหลัก-พลังประชารัฐ แต่ยัง “กุมความได้เปรียบ” เพราะกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มี “จุติ ไกรฤกษ์” เป็น “เจ้ากระทรวง”

ภายใต้นโยบายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด หรือ “เกิดปั๊บ รับสิทธิ์เงินแสน” จำนวน 17,832 ล้านบาทต่อปี ค่าคลอด 5,000 บาท ค่าเลี้ยงดู 1,000 บาทต่อเดือนจนถึง 8 ขวบ

ยกเครื่องบัตรคนคนจน เพิ่มเป็น 800 บาท/เดือน

ขณะที่นโยบาย “สร้างชื่อ” ของพลังประชารัฐ อย่าง “บัตรคนจน” ถึงแม้ว่ายังคงได้รับการต่อยอดทั้งชื่อ-เสียงจากกระทรวงการคลัง แต่การลงลึกในเส้นสาย-รายละเอียดยัง “ต้องสู้กันหนัก”

เพราะประชาธิปัตย์เตรียม “ยกเครื่อง” เบี้ยผู้ยากไร้ (บัตรคนจน) โดยโอน “เงินสด” เข้าบัญชีเพิ่มขึ้นรายละ 800 บาทต่อเดือน จำนวน 14.47 ล้านคน วงเงิน 68,794 ล้านบาทต่อปี

นโยบายที่ทำทันที-แน่นอน คือ นโยบายเกษตรกร-สินค้าเกษตร ที่ต้องถกกันอีกหลายยก ตั้งแต่ “ชื่อ-กระบวนท่า-เม็ดเงิน” เพราะพลังประชารัฐ ภายใต้นโยบาย “เกษตรยั่งยืน” แต่พรรคประชาธิปัตย์-เจ้าของตำหรับ “ประกันรายได้” ถือไพ่เหนือกว่าเพราะกุมบังเหียนทั้งกระทรวงเกษตรฯ-กระทรวงพาณิชย์ ประกันรายได้พืชผลเกษตร 100,000 ล้านบาทต่อปี

ภูมิใจไทย ร่วมวง “แบ่งปันกำไร-profit sharing”

มิหน้ำซ้ำของมีนโยบาย “เหนือเมฆ” ของพรรคภูมิใจไทย “แบ่งปันกำไร-profit sharing” เช่น ข้าว 70% : 15% : 15% ชาวนาได้เงิน 70% ข้าวขาว 7,900 + 800 = 8,700 หอมมะลิ 18,000 + 1,500 = 19,500 ราคาข้าวปี 2561 + ส่วนแบ่งกำไรจากกองทุนข้าว ปาล์มทะลาย กิโลกรัมละ 5 บาท ที่ร่วม “แชร์แต้ม-ขอส่วนแบ่ง” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ไม่นับนโยบายประกันรายได้-ค่าแรงขั้นต่ำ ที่พลังประชารัฐ เกทับ-บลัพแหลก 400-425 บาทต่อวัน อาชีวะ 18,000 บาทต่อเดือน ปริญญาตรี 20,000 บาทต่อเดือน ขณะที่ประชาธิปัตย์-ประกันรายได้แรงงานขั้นต่ำ แม้จะ “เก๋าเกม” ไม่เปิดหน้าชก แต่ไฟท์บังคับให้เปิดตัวเลขกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี

รวมถึงนโยบาย “อัดฉีดเศรษฐกิจ” ทุกหย่อมหญ้า ภายใต้แพ็กเกจ “แก้จน สร้างคน สร้างชาติ” รวมเบ็ดเสร็จกว่า 392,015 ล้านบาทต่อปี อาทิ

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คนละ 1,000 บาทต่อเดือน จำนวน 37,302 ล้านบาทต่อปี เบี้ยคนพิการ คนละ 1,000 บาทต่อเดือน วงเงิน 5,000 ล้านบาทต่อปี

เพิ่มค่าตอบแทนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 739 ล้านบาทต่อปี โดยมีพรรคภูมิใจ “ขอแจม” ยกระดับ อสม. เป็นหมอประจำบ้าน ได้ค่าตอบแทน 2,500-10,000 บาท เหมือนกับแพทย์ประจำตำบล

กัญชาเสรี-บุรีรัมย์โมเดล สอดต้นฉบับเข้าแฟ้มนโยบาย

ด้านพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่มี “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นว่าที่รองนายก ฯ ควบรมว.สาธารณสุข แม้ “ไม่มีคู่แข่ง” โกยแต้มไว้เป็นแต้มต่อในการเลือกตั้งครั้งหน้า ในเรื่อง “กัญชาเสรี” แต่ต้องไม่ลืมว่า พรรคพลังประชารัฐก็มีส่วนแบ่งความดีความชอบในการตั้งไข่กัญชาเพื่อการแพทย์เช่นเดียวกัน แต่ดัน “ตกม้าตาย” ตอนจบ

รวมถึงการแก้กฎหมายขนส่ง ทำให้ Grab Car ถูกกฎหมาย แต่ใช่ว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะเป็นนโยบาย “เผือกร้อน” ต้องสู้รบปรบมือกับเจ้าพ่อ-มาเฟียแท็กซี่และวินเถื่อน

ขณะที่นโยบายที่ไม่มีใครแย่ง-ไม่มีใครกล้าแตะอย่าง “บุรีรัมย์ โมเดล” ต้นแบบการพัฒนาเมืองเพื่อแก้ปัญหาปากท้องประชาชนและนำแนวคิดไปเผยแพร่ในจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว นโยบาย “แก้หนี้” กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) มูลหนี้ 5 แสนล้านบาท

คาดยุติ ครม.เก่า 9 ก.ค. เตรียม ครม.ใหม่สัญจรทันที

รายงานข่าวจากจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ในวันอังคารที่ 9 ก.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นประธานการประชุม ครม.นัดสุดท้ายของรัฐบาล คสช. นอกจากนี้ในส่วนของการเตรียมการเพื่อต้อนรับรัฐบาลและ ครม.ชุดใหม่นั้น ล่าสุดฝ่ายกองการสถานที่ทำเนียบรัฐบาล ได้จัดเตรียมห้องรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประสำนักนายกรัฐมนตรี และห้องโฆษกรัฐบาลที่จะเข้ามารับหน้าที่ใหม่ พร้อมกันนี้ได้เตรียมห้องในตึกภักดีบดินทร์ไว้สำหรับให้ ครม.ชุดใหม่ถ่ายรูปเพื่อทำบัตรประจำตัวรัฐมนตรีด้วย

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์มีความตั้งใจและมีดำริที่จะประชุม ครม.ชุดใหม่ทันทีหลังการเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งจะเป็นช่วงค่ำในวันเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะเป็นสัปดาห์หน้า

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้มีดำริให้เจ้าหน้าที่และกระทรวงมหาดไทยเตรียมการลงพื้นที่เพื่อตรวจราชการทันที หลังการแถลงนโยบายต่อสภาที่จังหวัดยะลาในต้นเดือนสิงหาคมนี้ ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) และการตรวจติดตามงานตามนโยบายรัฐบาลนั้น กำหนดให้มีเช่นเดิมเหมือนรัฐบาลประยุทธ์ 1 คือ 1 เดือนจะมีประชุม ครม. 1 ครั้ง และการลงพื้นที่ของนายกฯ เพื่อตรวจติดตามงานตามนโยบายรัฐบาล 1 ครั้ง

ข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: