ญาติเหยื่อทวงความเป็นธรรม แห่ติด #แพรวา9ศพ พุ่งอันดับ 1 เทรนทวิตเตอร์





วันนี้ (16 ก.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระแสบนโลกโซเชียลมีเดียในวันนี้ โดยเฉพาะบนทวิตเตอร์ได้ติดแฮชแท็ก #แพรวา9ศพ จนขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ทวีตของไทย หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงบนทางด่วนโทลเวย์ที่เคยตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อปี 2553 หลังจากญาติของผู้เสียชีวิต ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ผ่านรายการ “ถามตรงๆ กับ จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์” ทางช่องไทยรัฐทีวี เนื่องจากตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ญาติผู้เสียชีวิตยืนยันว่า ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาใดๆ จากฝ่ายผู้ก่อเหตุ

ขณะที่ ชาวโซเชียลส่วนใหญ่ได้ทวีต ย้อนถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น พร้อมทวงถามความยุติธรรมในคดีนี้ให้กับเหยื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในวันนั้น บางคนมีการขุดคุ้ยการใช้ชีวิตในอดีตถึงปัจจุบันของผู้ก่อเหตุอีกครั้ง พร้อมกับเผยว่าผู้ก่อเหตุได้มีการเปลี่ยนชื่อแล้ว 2-3 ครั้ง หลังจากเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น รวมทั้งมีการแชร์ภาพพิธีสมรสของผู้ก่อเหตุกับแฟนหนุ่ม เมื่อไม่นานมานี้ด้วย

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงค่ำของวันที่ 27 ธ.ค. 2553 บนทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ บริเวณใกล้กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นอุบัติเหตุรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสีขาว ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค ขับโดย น.ส.อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือ แพรวา อายุ 17 ปีในขณะนั้น พุ่งมาชนท้ายรถตู้สาธารณะ สีขาว ยี่ห้อโตโยต้า ไฮแอซ ซึ่งมีผู้โดยสาร 14 คน จนกระเด็นไปปะทะขอบทางอย่างแรง ทำให้ร่างผู้โดยสารกระเด็นออกจากรถ

เป็นเหตุให้ผู้โดยสารกระเด็นออกจากรถ เบื้องต้นเสียชีวิต 8 คน บาดเจ็บอีก 6 คน ต่อมาผู้บาดเจ็บเสียชีวิตลงอีก 1 คน รวมจำนวนผู้โดยสารเสียชีวิต 9 คน และบาดเจ็บ 5 คน

ส่วนผู้ก่อเหตุได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและยังมีสติรับรู้ดีหลังเกิดเหตุ ซึ่งคดีดังกล่าวกลายเป็นที่สนใจของสังคมในช่วงเวลานั้นเป็นอย่างมาก

สำหรับความคืบหน้าของคดี ปัจจุบันคดีอาญาได้สิ้นสุดไปแล้ว ส่วนคดีแพ่ง สิ้นสุดเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ศาลฎีกาสั่งให้ชดใช้ รวมแล้วประมาณ 26 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ทั้ง 12 คดี (คดีผู้เสียชีวิต 9 ศพ และบาดเจ็บอีก 3 ราย) โดยญาติผู้เสียชีวิตยืนยันว่ายังไม่ได้รับการเยียวยาจากฝ่ายผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด

หลังจากปี 2555 ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สนามหลวง อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 1233/2554 ลงโทษจำคุกจำเลยในความผิดฐานขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทำให้ทรัพย์สินเสียหายเป็นเวลา 3 ปี คำให้การในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกเป็นเวลา 2 ปี โทษจำคุกให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี คุมประพฤติจำเลย 3 ปี และให้รายงานตัวทุก 3 เดือน ให้ทำงานบริการสังคมโดยการดูแลผู้ป่วยจากอุบัติเหตุเป็นเวลา 48 ชั่วโมง และห้ามจำเลยขับรถยนต์จนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ ส่วนความผิดฐานใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยใช้โทรศัพท์จริงหรือไม่ เพราะอยู่ในรถ

ข่าวจาก workpointnews

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: