รองปลัดกระทรวงยุติธรรมแนะนำให้ญาติ และเหยื่อคดีแพรวา ที่ไม่ได้รับเงินเยียวยาตามคำสั่งศาล ร้องกระทรวงยุติธรรมช่วยสืบทรัพย์ บังคับคดีได้ พร้อมยืนยัน ผู้ปกครองต้องร่วมรับผิดชอบด้วย
จากกรณีที่ ญาติของผู้เสียชีวิตและผู้เสียหาย ในคดีอุบัติเหตุบนทางด่วนโทลเวย์เมื่อ 9 ปีก่อน หรือคดีแพรวา (แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ได้ออกมาเปิดเผยว่ายังไม่ได้รับ เงินเยียวยาตามคำพิพากษาศาลแพ่ง อีกทั้งผู้ก่อเหตุซึ่งขณะนั้นยังเป็นเยาวชน ก็ไม่เคยมาไกล่เกลี่ยค่าเสียหายหรือฟังคำพิพากษาด้วยตนเองแต่อย่างใด
นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า คดีนี้มีการฟ้องร้องในชั้นศาลจบกระบวนการแล้ว โดยเฉพาะคดีแพ่งที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาสั่งให้ชดใช้เงินให้กับผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บประมาณ 26 ล้าน 8 แสนบาท ซึ่งศาลได้พิพากษาไปเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ตามกฎหมายแล้วจำเลยต้องชดใช้เงินภายใน 30 วัน แต่หากเลยเวลาแล้วไม่ชดใช้เงินให้ ผู้เสียหายก็สามารถฟ้องร้องขอให้ศาลขอหมายบังคับคดี เพื่อจะได้มีอำนาจเข้าไปสืบทรัพย์ จากนั้นจึงนำเรื่องดังกล่าวไปยื่นต่อกรมบังคับคดี เพื่ออายัดทรัพย์สินต่างๆ ที่พบ เข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์ หรือนำทรัพย์สินไปขายทอดตลาด
ซึ่งกระบวนต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ทนายเข้าไปช่วยดำเนินการ หากผู้เสียหายไม่สะดวก หรือมีปัญหาการจ้างทนาย ก็สามารถร้องขอให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการให้ได้ ส่วนกรณีที่มีความเป็นห่วงเรื่องการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินเพื่อหวังไม่ให้ถูกยึดทรัพย์ไปนั้น ยืนยันว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ และการชดใช้เงินให้กับโจทก์ในคดีนี้ ศาลได้ระบุไว้ชัดเจนว่าผู้ต้องชดใช้ค่าเสียหายนอกจากคนที่นำรถไปขับแล้ว เจ้าของรถ พ่อและแม่ของผู้ขับรถ ก็ต้องร่วมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด ตามที่ศาลแพ่งระบุไว้โดยคดีนี้มีกฎหมายระบุชัด มีผลบังคับคดีเป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่คำพิพากษาศาลแพ่งถึงที่สุด คือเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน
พร้อมยืนยันว่าในระหว่างนี้ในทุกขั้นตอนการบังคับคดี ทั้ง 2 ฝ่ายยังสามารถไกล่เกลี่ยกันได้ และทางกระทรวงยุติธรรมพร้อมเป็นตัวกลางในการช่วยไกล่เกลี่ย ซึ่งเรื่องนี้เห็นว่าควรต้องคำนึงถึงการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนที่เหมาะสม กับความเสียหายที่เกิดขึ้นของครอบครัวผู้เสียชีวิตตลอด 9 ปี ที่ผ่านมาด้วย
ขณะที่ นายวรัญญู เกตุชู หรือ ติน หนึ่งในผู้รอดชีวิตคดีอุบัติเหตุดังกล่าว บอกว่า เห็นใจฝั่งคู่กรณีมาโดยตลอดและเข้าใจว่าเป็นเรื่องของอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเรื่องมันเกิดไปแล้ว ก็ต้องมีการแสดงความรับผิดชอบ หรือแสดงความจริงใจ ซึ่งตลอดระยะเวลา 9 ปี ที่ผ่านมา ตนมีโอกาสพบกับคนขับเพียงแค่ครั้งเดียว คือ เมื่อตอนไปเยี่ยมตนที่โรงพยาบาลเท่านั้น ซึ่งครั้งนั้นก็ได้รับเงินหลักหมื่นบาท
หลังจากนั้นไม่เคยได้รับเงินเยียวยาใดๆ จากคู่กรณี ผ่านมาจนถึงวันนี้เป็นเวลา 9 ปี คล้ายกับเห็นคู่กรณีประวิงเวลามาโดยตลอด แม้กระทั่งในการขึ้นศาลแต่ละครั้ง คนขับหรือแม้แต่ทนายความก็ไม่ปรากฎตัวในชั้นศาล ตรงข้ามกับตนและญาติผู้เสียชีวิตที่ต้องคอยเดินทางไกลจากต่างจังหวัดเพื่อมาขึ้นศาล ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ต่อสู้ในคดีนี้ ก็ไม่ได้เรียกร้องเงินส่วนใดเกินเลย มีเพียงค่ารักษาพยาบาล และค่าเสียโอกาสของมารดาเท่านั้น ยอมรับว่าเงินชดใช้ที่ศาลพิพากษา เทียบไม่ได้กับเงินที่ต้องจ่ายไป แต่ตนก็ยินยอม เพราะอยากให้เรื่องนี้จบลง
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ