ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 ก.ค. 2562 นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ได้เรียกประชุมผู้บริหารสูงสุดของกระทรวงการคลังทุกหน่วยงาน จากก่อนสัปดาห์ที่ผ่านมา ทีมงานของนายอุตตม ได้ระบุว่า จะยังไม่มีการเรียกประชุมผู้บริหารจนกว่ารัฐบาลจะแถลงนโยบายกับรัฐสภาเสร็จเป็นที่เรียบร้อยเสียก่อน
นายอุตตม เปิดเผยว่า การประชุมผู้บริหารกระทรวงครั้งนี้เป็นการเตรียมความพร้อมการอภิปรายนโยบายของรัฐบาล ให้ทุกหน่วยงานได้เตรียมข้อมูลให้กับรัฐบาลในการชี้แจง สำหรับการลดอัตราภาษีบุคคลธรรมดา 10% ตามที่รัฐบาลหาเสียงไว้ จะทำแต่ทำเป็นขั้นตอน และต้องดูทั้งระบบได้สั่งผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ไปแล้วให้ศึกษาเรื่องนี้ทั้งระบบว่าฐานภาษีและรายได้หายไปมากน้อยขนาดไหน
“ผมไม่ได้บอกเลยว่าจะต้องขึ้นภาษีตัวอื่น เพื่อมาชดเชยการลดอัตราภาษีบุคคลธรรมดา 10% ตามที่รัฐบาลหาเสียงไว้” นายอุตตม กล่าวตอบทันทีเมื่อถูกถามว่าจะต้องมีการขึ้นภาษีอื่นเพื่อชดเชยการลดอัตราภาษีบุคคลธรรมดา 10% หรือไม่
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า เพิ่งได้รับการบ้านจาก รมว.คลัง ว่าจะทำอย่างไรเพื่อลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% ส่วนหากมีการลดภาษีในลักษณะดังกล่าวจริงจะทำให้ฐานภาษีผู้เสียภาษีจริงที่ปัจจุบันมี 4 ล้านคน หายไป 3 ล้านคน และรายได้ภาษีหายไป 180,000 ล้านบาทหรือไม่ ยังต้องรอผลการศึกษา เพราะเพิ่งได้รับการบ้านมา
“รมว.คลังได้ให้นโยบายว่า การลดอัตราภาษีเงินได้ 10% จะต้องไม่เป็นภาระทางการคลัง ถ้าจะเป็นต้องทำต้องทำลักษณะไหน ซึ่ง สศค. เพิ่งได้การบ้านมาเมื่อวานนี้เอง ต้องดูว่าหากรายได้หายไปจากการลดภาษีบุคคลธรรมดา และจะได้รายได้เพิ่มมากจากตัวไหน”นายลวรณ กล่าว
นายลวรณ กล่าวว่า หากมีการลดอัตราภาษีบุคคลธรรมดา 10% จริง ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะลดให้เป็นการชั่วคราว หรือ ลดให้เป็นการถาวร เพราะยังต้องศึกษาว่าการลดภาษีบุคคลธรรมดาตามนโยบายที่หาเสียงไว้จริงๆ คืออะไร
รายงานข่าวกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หากมีการลดภาษีอัตราภาษีบุคคลธรรมดา 10% ตามที่รัฐบาลหาเสียงไว้จริง จะทำให้ฐานภาษีหายไป 3 ล้านราย และสูญเงินภาษีต่อปี 180,000 แสนล้านบาท ทำให้ต้องหาวิธีการลดภาษีบุคคลธรรมดาใหม่ให้ได้เพื่อไม่ให้รัฐบาลผิดสัญญาที่หาเสียงไว้
ด้านนายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รมว.คลังได้มอบการบ้านให้ทุกหน่วยงานไปจัดเตรียมข้อมูลสำหรับรองรับการแถลงนโยบายรัฐบาลวันที่ 25 ก.ค.นี้ โดยข้อจะทำในเชิงลึกขึ้นให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลจากเดิมที่มีการทำข้อมูลพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ การทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือนโยบายการปฏิรูปภาษี
ส่วนการจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คลังได้มีการเตรียมทำไว้เช่นกัน ซึ่งในส่วนของแผนระยะสั้นได้มีงบประมาณในปี 2562 ไว้พร้อมทำอยู่แล้ว ไม่ต้องมีการประชุมเกลี่ยงบใหม่ ส่วนการจัดทำงบประมาณปี 2563 จะต้องมีการนัดมาหารือประชุมกันอีกครั้ง
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ