เมื่อวันที่ 25 ก.ค. เวลา 16.00 น. ที่ห้องประชุมรัฐสภาชั่วคราว อาคารทีโอที พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงการอภิปรายของฝ่ายค้าน ว่า ตนอาจจะพูดเร็วไปนิดหนึ่ง พูดไม่ชัดบ้าง กลืนน้ำลายบ้าง ตนเป็นมนุษย์ ถ้าท่านพูดเก่งก็เรื่องท่าน แต่ตนพูดแล้วทำไปด้วย สำหรับการบริหารจัดการน้ำเราได้ดำเนินการมาโดยตลอด โดยมีการบริหารจัดการน้ำทุกจังหวัดทั่วประเทศ ทั้งน้ำเพื่ออุปโภค และน้ำเพื่อบริโภค รวมถึงน้ำเพื่อการเกษตรอุตสาหกรรมและรักษาระบบนิเวศ นี่คือสิ่งที่เราได้ปฏิบัติ เพราะพูดอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้ แต่ปัญหาวันนี้คือ น้ำไม่เพียงพอ เพราะฝนไม่ตก ขณะที่การเกษตรก็ทำเกินกว่าปริมาณน้ำ แต่รัฐบาลจะแก้ไขด้วยการหาแหล่งน้ำเพิ่มเติม ทั้งนี้ หากฝ่ายค้านติติงเพียงอย่างเดียว โดยไม่สร้างสรรค์ คงไม่ได้และที่ท่านบอกว่าต้องหาน้ำให้ได้ หาให้เพียงพอ แต่บางพื้นที่เจอปัญหาน้ำส่งไปไม่เพียงพอ ซึ่งหากส่งในปริมาณที่เกินเกณฑ์จะมีปัญหาต่อน้ำอุปโภคและบริโภค
“ผมเสียงดังไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะไม่ได้พูดนานแล้ว ผมเองก็มีตัวตนของผมเหมือนกัน เขาบอกให้ผมพูดอย่างสุภาพ แต่ตอนนี้ผมกำลังยิ้มอยู่ ท่านบอกว่าต้องการงบประมาณ ต้องถามว่างบประมาณมาจากไหน แต่ต้องตอบด้วยว่าจะเอางบประมาณมาจากไหน ถ้าไม่ใช่จากภาษีเงินกู้ ทั้งนี้ที่ตั้งงบประมาณขาดดุลไว้ก็เป็นการเผื่อ เพราะหากมีความจำเป็นก็จะต้องกู้ และที่ผ่านมางบประมาณประจำปีที่ผ่านมามีประมาณ 2 ล้านล้านบาท แล้วทำไมไม่เห็นจะเกิด ถนน รถไฟ รถไฟฟ้า และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาค ตะวันออก (อีอีซี)อย่างที่ผมทำในวันนี้ ตอบคำถามผมให้ได้ด้วย จะเกิดหนี้ แต่ก็สร้างรายได้ หลายประเทศบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ารักประเทศไทย แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนบางกลุ่มถึงไม่รักประเทศไทย “ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า รายได้ของรัฐบาลตั้งไว้ที่ 2.7 ล้านล้านบาท โดยตั้งงบประมาณเผื่อไว้ ที่ 3.3 ล้านล้านบาท ซึ่งมีคนเสียภาษีที่แท้จริงเพียง 4 ล้าน และคนอะไรที่เป็นของคนจนเราจะไม่ได้ภาษี ได้เพียงอย่างเดียวจากภาษีแวต 7 เปอร์เซ็นต์ ทำให้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ลุกขึ้นประท้วง ว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้กล่าวถ้อยคำกับประธานรัฐสภา ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ได้ตอบว่า “ขอบคุณ และขอโทษ เพราะอาจจะเคยชินไปหน่อย แต่ก็ให้เกียรติประธานรัฐสภาอยู่แล้ว”
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้แกล้งทำเป็นหันไปพูดกับนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ซึ่งสร้างเสียงหัวเราะให้กับสมาชิกรัฐสภา พร้อมกล่าวว่า บางคนอาจไม่เคยชินกับตน แต่อยากถามว่างบประมาณ 2 ล้านล้านบาท ก่อนหน้านี้ได้ทำอะไรไปบ้าง กู้แล้วเกิดรายได้หรือไม่ วันนี้ไม่อยากก้าวล่วงใคร เพราะมีคดีค้างอยู่กว่าพันคดี เตรียมตัวไว้แล้วกัน เรื่องอะไรไม่รู้ ส่วนปัญหาเศรษฐกิจได้เตรียมการไว้หลายอย่าง รวมถึงเตรียมพูดคุยกับต่างประเทศ แม้ตนจากคุยกับเขาไม่รู้เรื่องก็ตามหลายคนวิจารณ์ว่านายกฯพูดภาษาอังกฤษไม่เก่งแต่เวลาพูดคุยกันก็มีล่าม ในห้องประชุมมีรามถึง 15 คน แต่ดีกว่าคนที่พูดเก่งแล้วพูดไม่มีสาระ ไม่เกิดประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ที่พูดมานี้ไม่ได้โมโหใครเลย เพียงแต่อยากให้เข้าใจว่าเราคิดนโยบายอย่างละเอียด วันนี้เอาวันนี้เอาเอกสารมาท่วมตัวจนหาไม่เจอแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาใช้ชายแดนภาคใต้ ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่อันตราย ต้องยอมรับว่าปัญหานี้มีมายาวนาน ไม่เหมือนกับต่างประเทศ หลักการใช้กันไม่ได้จะใช้หลักสิทธิมนุษยชนมากเกินไปก็ไม่ได้ เพราะจะทำให้เกิดปัญหา เพราะคำว่าสิทธิมนุษยชนกับการละเมิดกฏหมายอาญา การฆ่าคนตายมันเป็นคนละเรื่องเดียวกัน เมื่อไหร่ที่ต้องมีการจับกุมก็ต้องดูแลเจ้าหน้าที่ ถ้าทำผิดก็ต้องไล่ออกหรือจับเข้าคุก เราทำงานกันแบบนี้ ซึ่งวันนี้ก็มีการพัฒนามากขึ้น แต่ก็ต้องแก้ไขปัญหาไปเรื่อยๆให้ได้ วันนี้ปัญหาไม่ได้เกิดที่รัฐบาลและไม่ใช่อยู่ดีๆเจ้าหน้าที่จะไปยิงใครก่อน ทหารเขาไม่ยิงประชาชน เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกันจะยิงกันทำไม เราถูกสอนมาแบบนี้ เวลาที่เจ้าหน้าที่ถูกซุ่มยิง ใครร้องเรียนให้เจ้าหน้าที่บ้างเขาลาดตระเวนไปกับครูกับเด็กนักเรียน และพระแต่ถูกยิงแบบนี้แล้วเงียบ แต่พอถึงเวลาคนทำผิดก็มาบอกว่าถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน เรื่องนี้เราต้องดูให้ดี เรามีกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ขนาดนี้ก็มีการเจรจาพูดคุยสันติสุข แต่ไม่ได้หมายความว่าเรายกระดับขึ้นมาพูดคุย เราไม่ให้กฎหมายไทยไปเจรจากับใคร มันไม่ได้เลย เรียกแค่ว่าเป็นการพูดคุยสันติสุขที่ต่างประเทศนำมาสู่การไม่มีผู้ก่อเหตุใดๆหรือมีการยึดพื้นที่ใด แม้แต่ตารางนิ้วเดียว เจ้าหน้าที่รัฐสามารถลงได้ทุกพื้นที่
“ต่างประเทศ เขาเข้าใจกับการแก้ไขปัญหา มีแต่ในประเทศไทยนี่แหละที่ไม่พอใจ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจจะให้ดูแลผู้ร้ายกันตลอดไป แล้วเจ้าหน้าที่ผิด ผมก็ยอมรับ แต่ขอให้หาหลักฐานมา อย่าพูดลอยๆ และที่จับมาแล้ว มากล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่รัฐซ้อม มันไม่จริง ดูหนังมากไปกันหรือเปล่า” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงนโยบายทางด้านความมั่นคง ว่า ตนให้เกียรติกับทุกคน แต่บางครั้งอาจดูเสียงดังบ้าง เพราะมันกดดันพวกท่านบอกให้ตนรักษากิริยา แต่บางครั้งตนมองไปพวกท่านก็ไม่มีกิริยาให้ตน ทั้งนี้การซื้อยุทโธปกรณ์ ซื้อในสิ่งที่เราใช้ได้และมีประสิทธิภาพ ทำไมตนจะไม่อยากได้ของถูกหรือของดีที่สุด แต่เราก็มีงบประมาณจำกัด ในส่วนเรื่องของการทุจริตหลักฐานมาก็ไปหาหลักฐานมา ไปฟ้องมาคดี เพื่อดำเนินคดี เขามีกรรมการตั้งหลายคณะอย่างที่ซื้อมาไม่ได้ซื้อที่ร้านโชห่วยข้างถนน เรือดำน้ำ 6 ปี จะได้หนึ่งลำใหม่ ที่ซื้อไม่ใช่ซื้อวันนี้แล้วได้พรุ่งนี้ เราต้องส่งทหารไปอยู่กับเขาถึง 3 ปีไปส่งไปอยู่กับเขาถึง 3 ปีตั้งแต่เริ่มต้นผลิตให้ปัญหาระบบเรือ หลักการซื้อต้องบวกการซ่อมบำรุง นั้นคือแพ็คเก็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์พูดถึงตรงนี้ก็ได้ชี้นิ้วไปยังผู้ประท้วง ซึ่งเป็นอดีตนายทหารและพูดว่าพวกท่านก็รู้ดี เพราะเป็นลูกน้องตนมาก่อน เป็นทหารเหมือนกัน ขอให้เข้าใจ ซึ่งนายชวนได้กล่าวเตือนว่าอย่าชี้นิ้ว พล.อ.ประยุทธ์จึงได้กล่าวขอโทษ พร้อมกับหัวเราะและบอกว่ารูปแบบในสภาฯอาจเปลี่ยนไปบ้างต้องขออภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดทั้งวัน พล.อ.ประยุทธ์ได้พยายามนั่งฟังในห้องประชุมและจดรายละเอียดตลอด ยกเว้นช่วงออกไปรับประทานอาหารกลางวัน อย่างไรก็ตาม บางช่วงในการฟังการอภิปรายจากฝ่ายค้านพล.อ.ประยุทธ์เก็บอารมณ์ไม่อยู่ แสดงออกมาทางสีหน้า บางครั้งก็เบ้ปาก ทำตาขวางไม่พอใจ แต่พล.อ.ประวิตรซึ่งนั่งอยู่ข้างข้างตลอดเวลาได้คอยสะกิดเตือน และทำหน้ายิ้มใส่ เพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์อารมณ์ดี ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์จึงได้คายอารมณ์ลง
ข่าวจาก มติชนออนไลน์, เฟซบุ๊ก ธนวัฒน์ วงศ์ไชย
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ