เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 30 ก.ค. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางเข้ากระทรวงกลาโหมเป็นครั้งแรก โดยมีการจัดพิธีต้อนรับอย่างสมเกียรติ มี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผบ.เหล่าทัพ นายทหารระดับสูงกระทรวงกลาโหม และข้าราชการทหารกระทรวงกลาโหมให้การต้อนรับ ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำพิธีสักการะองค์พระหลักเมือง ไหว้หอพระพุทธรูป องค์พระหลักเมืองจำลอง องค์พระหลักเมืององค์จริง หอเทพารักษ์ทั้ง 5 และเติมน้ำมันตะเกียงพระนาคปรก พระพุทธรูปประจำวันเสาร์วันเกิดของนายกฯ ทั้งนี้ช่วงเช้าก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางมาถึง คณะฝ่ายเสนาธิการของ พล.อ.ประยุทธ์ได้อัญเชิญพระพุทธรูป 5 องค์ หนึ่งในนั้นเป็นพระนาคปรก และหลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี บางกอกใหญ่ กทม.มาตั้งบูชาด้วย
จากนั้นเวลา 07.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้ เดินทางเข้ามาภายในกระทรวงกลาโหม รับการเคารพจากการสวนสนามของกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพ บริเวณลานอเนกประสงค์ภายในศาลาว่าการกลาโหม ก่อนสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลาว่าการกลาโหม ทั้งศาลเจ้าพ่อหอกลอง พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 รูปปั้นเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี จากนั้นรับฟังการบรรยายสรุปภารกิจของ กห.ที่ห้องภาณุรังษี คณะของ พล.อ.ประยุทธ์ประกอบด้วย พล.อ.สุชาติ หนองบัว อดีตผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายกำลังพลในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็น ผบ.ทบ. และอดีตสมาชิก สนช.มาเป็นเลขานุการ รมว.กลาโหม พร้อม พล.อ.ศักดา เนียมคำ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ.และอดีต ผอ.ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 (ศปป.5)กอ.รมน.เพื่อน ตท.20ของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.และอดีตกรรมการในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลมาเป็น หน.สนง.รมว.กลาโหม นอกจากนี้ พล.ท.หม่อมหลวง กุลชาต ดิศกุล หรือ เสธ.กวาง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบกและอดีตที่ปรึกษาสำนักโฆษกประจำสำนักนายกฯ หนึ่งในทีมงานตึกไทยคู่ฟ้ามาเป็นตำแหน่งช่วยราชการสำนักงาน รมว.กลาโหม ขณะที่ พล.ต.นิมิตต์ สุวรรณรัฐ ยังคงทำงานเป็นทีมงานนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นมือประสานสิบทิศด้านการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลัง พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นแท่นรับการเคารพจากกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพแล้วเสร็จได้เดินไปสักการะศาลเจ้าพ่อหอกลอง ระหว่างเดินผ่านบ่อน้ำโบราณ พล.อ.ณัฐได้เชิญไปดูบ่อน้ำโบราณ อธิบายว่ากระทรวงกลาโหมเคยเป็นโรงนอนเก่าและมีโรงม้า ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้สอบถามถึงระดับน้ำในบ่อระบุว่าน้ำใสแจ๋ว แต่จะสะอาดหรือไม่ ขอให้ไปตรวจสอบคุณภาพน้ำเอาไปพิสูจน์และปรับภูมิทัศน์จุดดังกล่าวให้สวยงามทำให้ดี พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในกระทรวงกลาโหม เพื่อให้คนได้เข้ามาดู
พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า คงเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวลำบาก เพราะเป็นสถานที่ความมั่นคงและเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ ได้สั่งการให้ประสานกับกรมศิลปากรเข้ามาตรวจความเก่าแก่ สันนิษฐานเบื้องต้นว่าสมัยก่อนเป็นโรงนอนและมีบ่อน้ำใช้เพื่ออุปโภคบริโภค สังเกตจากการเรียงอิฐมอญสวยงาม พื้นที่นี้เดิมเป็นพื้นที่เลี้ยงช้างและม้า ก่อนเราจะมาเจอได้ปรับเป็นพื้นที่ลานจอดรถแต่ทรุด หินปิดปากบ่ออายุมากหัก ทำให้ดินทรุด จึงให้ทหารช่างมาปรับพื้นที่จนเจอบ่อน้ำดังกล่าว
ต่อมาเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงความรู้สึกหลังกลับมาที่กระทรวงกลาโหมในฐานะ รมว.กลาโหม ว่ารู้สึกปกติ เข้ามาบ่อยอยู่แล้วตั้งแต่เป็นทหารมีความคุ้นเคย วันนี้ได้มอบนโยบายให้ข้าราชการกระทรวงกลาโหม ได้ขอบคุณทุกคนขอให้ร่วมมือกันทำงานต่อไปภายใต้สายงานอย่างระมัดระวัง ต้องไม่ทำให้เกิดปัญหาใดๆ ส่วนที่มีความเป็นห่วงเรื่องการใช้อำนาจ รมว.กลาโหม นั้น มีกฎหมายดูแลอยู่แล้ว ได้มอบนโยบายให้ทุกคนทำงานด้วยความตั้งใจเสียสละ ทำหน้าที่ให้ทันต่อยุคสมัย เพราะทุกวันนี้มีเรื่องโซเชียล เทคโนโลยีและดิจิทัลต้องก้าวตามให้ทัน ในส่วนของนโยบายเร่งด่วนคือการปฏิรูปกองทัพ เดิมมีอยู่แล้วแต่ต้องมาทบทวนว่าไปถึงไหนแล้วต้องมาดูให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ส่วนหลักการพิจารณาโผโยกย้ายนายทหารประจำปี ต้องให้ทาง หน่วยทำขึ้นมา ตนให้สิทธิทั้งทหารและตำรวจทำรายชื่อขึ้นมา ผู้นำหน่วยต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ตนจะเป็นผู้ตรวจทานความเหมาะสม และขีดความสามารถว่าได้หรือไม่ได้อย่างไร การแต่งตั้งตำรวจและทหารแม่ทัพต้องรับผิดชอบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการภาคต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่โยนความรับผิดชอบมาให้ตน เพราะจะดูแลความเหมาะสมให้ทุกคน
คุมเอง สตช.แบ่งเบาภาระ “พี่ใหญ่”
เมื่อถามว่านายกฯมาดูเรื่องความมั่นคง เพราะจะควบรวมเรื่องความมั่นคงทั้งหมด โดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ได้ควบรวม แต่มอบหมายหน้าที่ในระดับรัฐบาลว่าจะเข้าไปดูอะไรบ้าง เวลาเข้าไปดูแล้วใช่ว่าจะไปทำอะไรได้ทั้งหมด ต้องเข้าไปดูการปฏิบัติงานเพื่อให้ชัดเจนขึ้น รวมถึงการดำเนินการต่างๆที่ยังคั่งค้างอยู่ว่าจะทำอย่างไร เพราะประชาชนให้ความสนใจดีเอสไอควรทำหน้าที่เฉพาะ แต่มีหลายคนมองว่ามีตำรวจมากไปหรือไม่ ต้องเข้าไปดูว่าโครงสร้างเป็นอย่างไร ไม่ใช่จะดึงดีเอสไอมาขึ้นตรงกับสำนักนายกฯ แต่เป็นเรื่องการกำกับดูแล โดยมอบหมายให้รองนายกฯดูแล และบางหน่วยงานนายกฯกำกับดูแลได้ เมื่อถามว่านายกฯจะดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ด้วยตนเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่าตนสมควรจะดูหรือไม่
เมื่อถามว่าการที่นายกฯ ไปดู สตช.เองเพราะต้องการแบ่งเบาภาระ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ใช่ เพื่อแบ่งเบาภาระ พล.อ.ประวิตรและเรื่องสุขภาพ “ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตรมีความตั้งใจในการทำงานอย่างมาก และท่านยังคงทำหน้าที่ต่อไปในการดูแลความมั่นคง เช่น สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขก.) และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รวมถึงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ
อ่านเพิ่มเติม : https://www.thairath.co.th/news/politic/1626440
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ