เมื่อเวลา 08.20 น.วันที่ 5 ส.ค.ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จ.นครนายก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี การวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาทางการเกษตร ของประเทศ โดยเฉพาะเการเปรียบเทียบการแก้ไขกับกระดุม 5 เม็ดที่ถูกเสนอ โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จนได้รับการชื่นชมว่าค่อนข้างเข้าใจปัญหาพื้นฐานของเกษตรกรไทย เป็นอย่างดี โดยระบุว่า
ที่พูดกันเรื่องเสื้อกระดุม 5 เม็ด ขอให้ลองไปดูว่าเราได้ทำอะไรไปหรือยัง บางอย่างมาจากต่างประเทศ เราก็นำหลักการนั้นมาคิดและประยุกต์ว่าสิ่งเหล่านั้นทำกับเราได้หรือไม่ อย่างประเทศเราตนก็เห็นใจเกษตรกรมากที่สุด เพราะเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ รวมถึงคนที่อยู่ในกระบวนการเหล่านี้ด้วย ทั้งปลูก ผลิตและแปรรูป ถือเป็นห่วงโซ่ทั้งหมด ซึ่งเราก็ต้องดูทั้งหมด ถ้าไปดูแต่ขั้นต้น ตรงกลาง แรงงาน ตลาดก็มีปัญหา การแข่งขันด้านราคาก็มีปัญหาอีก เราต้องกลับมาย้อนดูว่าต้นทางคืออะไร ในประเทศที่เจริญแล้วห่วงโซ่ตรงนี้จะไม่มากนัก เนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยีเครื่องมือที่ทันสมัย ซึ่งไทยยังไปไม่ถึงตรงนั้น เราก็ต้องพยายามไปให้ถึงตรงนั้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนการลดต้นทุนการผลิตเป็นตัวสำคัญที่สุด ถ้าลดไม่ได้ก็ไปไม่ได้ เช่นประเทศอิสราเอลที่หลายคนก็อยากเป็นเช่นนั้น แต่เขามีประชากรแค่ 10 ล้าน คน และมีประเทศเล็กกว่าเราหลายสิบเท่า ดังนั้นจึงอยากถามคำถามกลับไปว่าเราควรมีการบริหารจัดการที่เหมาะสมหรือไม่ในการทำการเกษตรในเมืองไทย ผมไม่ต้องการห้ามทั้งสิ้นว่าจะปลูกอะไร แต่ถ้าปลูกแล้วเกิดความเสียหายรัฐบาลจะเข้าไปอุดหนุนทั้งหมดคงเป็นไปได้ยาก เพราะไม่คุ้มกับต้นทุน จึงเป็นเรื่องของการบริหารจัดการให้ปลูกพืชอย่างเหมาะสม มีแหล่งน้ำที่เพียงพอ ประเทศไทยสามารถจัดพื้นที่ชลประทานได้ถึง 40% เพราะมีลักษณะพื้นที่สูงต่ำ มีน้ำท่วมและมีน้ำแล้ง ส่วนใหญ่เป็นนาน้ำฝน. และอีกส่วนหนึ่งเป็นนานอกระบบชลประทาน
“เหล่านี้คือปัญหาของเรา รวมถึงการปลูกอะไรมากเกินไป ในส่วนที่ราคาดีให้สังเกตว่าเพราะอะไร ก็เพราะว่าจำนวนน้อยลง แรงงานที่มาจากต่างประเทศก็น้อยลง ที่ผ่านมาพอราคาดีขึ้นคนก็ไปปลูกตามกันหมด ทำให้ปัญหากลับมาที่เก่า ต้องคิดแบบนี้ เพราะนี่คือการติดกระดุมเม็ดที่ห้า ผมไม่ขัดแย้งและก็ขอขอบคุณที่พูดกันมาและขอชื่นชมหลายคน แต่ต้องไปดูว่าในทางปฏิบัติทำได้จริงหรือไม่ การพูดแล้วไม่ปฏิบัติจริงก็ถือว่ายาก”นายกฯและรมว.กลาโหม กล่าว
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ