“ท่านเข้ามายึดอำนาจไม่ได้ต้องการเข้ามาแก้ไขปัญหาความเรียบร้อยหรอก แต่ท่านต้องการที่จะเอาอำนาจ” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เปิดอภิปรายพุ่งเป้าโจมตีไปที่สถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่นั่งฟังอยู่ภายในห้องประชุมใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่งใช้เป็นที่ประชุมรัฐสภาชั่วคราว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อภิปรายตอนหนึ่งว่า “ผมคิดว่าผมเป็นหัวหน้าพรรคลงพื้นที่มากที่สุด ไม่มี ส.ส.เขต ชาวบ้านบอกผมว่า ท่านนายกฯเป็น ชาวบ้านสงสัยไม่สง่างามเลย ครั้งแรกปล้นเขามา ครั้งที่สองก็โกงเขามา ผมไม่เชื่อนะครับ ผมบอกผมไม่เชื่อ เพราะผมเป็นนักเรียนเตรียมทหาร ท่านก็เป็นนักเรียนเตรียมทหาร”
“ขอให้ถอนครับท่านประธานที่เคารพ ที่บอกว่าโกง ไม่ใช่มาพูดในสภาให้เสียเชื่อเสียง สภาแห่งนี้คือสภาอันทรงเกียรติ” นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐใช้สิทธิประท้วง
และนี่จึงเป็นที่มาที่ทำให้ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อนร่วมรุ่น ตท. 12 กับพล.อ.ประยุทธ์ ได้ประท้วงการอภิปรายของรุ่นพี่ ตท. 8 และพาดพิงไปถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้รับพระราชทาน
“เหรียญรามา (เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี) ที่ได้มา เขียนขึ้นเองหรือไม่ ผมทราบข้อมูลดี อย่าอุปโลกน์ตัวเอง เราอภิปรายนโยบายรัฐบาล รัฐบาลเราไม่เจริญ เพราะมีพวกทะเลาะเบาะแว้งไม่มีวินัย ถ้าอยากให้ประเทศไทยเจริญ ชายไทยทุกคนต้องเป็นทหารเหมือนเกาหลีครับแล้วเราจะไม่มีการปฏิวัติใดๆ ทุกคนเป็นเพื่อนกัน ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันแบบนี้ ใช้แบบนี้มันต้องปฏิวัติสัก 20 ปี” พล.อ.ธวัชชัย ระบุกลางรัฐสภา
แม้จะมีเสียงประท้วงขัดขวางการอภิปรายของ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย จาก ส.ว. และ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เพื่อปกป้องไม่ให้โจมตีคุณสมบัติของตัวนายกรัฐมนตรี
ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นตอบโต้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ว่า “วันนี้ไม่เป็นรุ่นพี่ผมนะครับ เพราะท่านไม่เคยให้เกียรติผมท่านบอกชักปืนยิงผมตั้งแต่วันโน้น ถ้าท่านชักปืนยิงผม ท่านก็ติดคุก เหรียญรามาฯ ท่านได้ ผมก็ได้ นะครับ แต่ผมไม่เคยคุย ไม่แอบอ้าง ผลงานต่างๆ ผมมีมากมาย พูดจาหยาบคาย อวดอ้างอำนาจ ท่านไปทบทวนของท่านเอง”
ประเด็นเหรียญรามา หรือ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญรามมาลา เข็มกล้ากลางสมรนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้รับพระราชทานเช่นเดียวกันเพียงแต่ต่างปี
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้รับพระราชทานเมื่อขณะเป็น ร.ต.อ.เสรี เมื่อปี 2520 ซึ่งในราชกิจจานุเบกษาได้ลงประกาศไว้เมื่อวันที่ 16 เม.ย. 2523
พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับพระราชทานเมื่อขณะมียศเป็น พ.ต.เมื่อปี 2533 ตามที่ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2533 ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ซึ่งพระราชทานแก่ข้าราชการทหารที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศด้วยความกล้าหาญ เสียสละ นับว่าเป็นผู้มีความชอบในราชการแผ่นดิน สมควรได้รับยกย่องสรรเสริญเป็นตัวอย่างแก่ผู้มีหน้าที่ป้องกันประเทศทั้งปวง
ขณะที่พล.อ.ธวัชชัยได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นที่ 4 หรือชั้นอัศวิน ขณะเป็น ร.อ. เมื่อปี 2525 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2525
ทั้งนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยืนยันกับ ‘วอยซ์ ออนไลน์’ ภายในที่ทำการพรรคเสรีรวมไทย ว่าในการอภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา ส่วนตัวไม่เคยได้พูดเรื่องเหรียญรามา ในที่ประชุมรัฐสภา แต่อยู่ดีๆ พล.อ.ประยุทธ์ก็ตบะแตกคุมสติไม่ได้ เนื่องจากตนเองได้อภิปรายโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยึดอำนาจรัฐประหารมาเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนนายกฯ ครั้งที่สอง ก็โกงมา
“หากเป็นผมก็ไม่หน้าด้านเป็นต่อ ไม่รู้จะเอาอะไรมาพูดไม่โต้เรื่องไม่ได้ปล้น ไม่โต้เรื่องไม่ได้โกง แต่มาพูดเรื่องผมได้รับเหรียญรามา ผมก็ได้ แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ อธิบายว่า การได้เหรียญรามมาลาเข็มกล้ากลางสมรเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2520 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี พระราชทานให้แก่ข้าราชการตำรวจ ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ จนผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ จะพระราชทานให้ข้าราชการที่เสียชีวิตและไม่เสียชีวิต
ที่มาของฉายา ‘วีรบุรุษนาแก’ ได้เกิดขึ้นเมื่อปี 2520 ด้วยผลงานที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ด้วยความกล้าหาญ เสียสละ
ทำให้นายพิศาล มูลศาสตร์สาทร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมได้ทำพิธีสถาปนาให้เป็นขุนพลของประชาชน ณ ศาลาประชาคม จ.นครพนม จนได้รับการขนานนามว่า ‘วีรบุรุษนาแก’ นับตั้งแต่นั้นมา
หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และอดีต ผบ.ตร. ระบุว่า ตนเองได้รับพระราชทานเหรียญรามา ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย และถือน้ำพิพัฒน์สัตยาภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ซึ่งมีในหลวง รัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ รวมถึงรัชกาลที่ 10 ด้วย และจะต้องมีอดีตสมาชิกที่เคยได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีทั้งหมดมาร่วมเป็นสักขีพยานและร่วมถือน้ำพิพัฒน์สัตยาด้วย
“แต่ที่คุณประยุทธ์ได้รับพระราชทานผมก็สงสัยว่า คุณประยุทธ์จะได้ถือน้ำพิพัฒน์สัตยาหรือเปล่า เพราะผมไม่เคยได้รับเชิญไปร่วมงานเลย ผมได้รับพระราชทานพร้อมกับ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก อดีต ผบ.ทบ. พล.อ.หาญ ลีลานนท์ อดีตแม่ทัพภาค 4 พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ อดีตองคมนตรี แต่รุ่นหลังผมไม่เคยได้รับเชิญ ผมจึงคิดว่าไม่น่าจะมีการดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยาอีกแล้วในรุ่นหลังๆ”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกว่าการได้เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญรามมาลา เข็มกล้ากลางสมรนั้น การจะได้รับพระราชทานต้องไปออกรบ ได้รับคุณงามความดี ซึ่งแสดงความกล้าหาญ
“เหรียญรามมาลา เข็มกล้ากลางสมร จัดลำดับศักดิ์เป็นเหรียญกล้าหาญมีศักดิ์ลำดับ1 ส่วนศักดิ์ลำดับที่ 2 คือเหรียญรามมาลา ลำดับที่ 3 เหรียญกล้าหาญ ลำดับที่ 4 เหรียญพิทักษ์เสรีชนชั้น 1 ซึ่งเหรียญกล้าหาญมี 4 ประเภท”
หากการประชุมรัฐสภาครั้งต่อไปเกิด พล.อ.ประยุทธ์ หยิบยกวาทะตัดพี่ตัดน้องขึ้นมากลางสภาฯ อีกครั้ง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตอบทันทีว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะหยิบยกขึ้นมา ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน แต่ควรคุยเรื่องบ้านเมืองดีกว่า ยกตัวอย่างกรณี พล.อ.ประยุทธ์ นำคณะรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งผิดชัดเจน ก็ควรนำมาพูด
“ไม่ตายนี่ อย่างนี้คุณบอกได้เหรียญกล้าหาญ ผมไม่ค่อยเชื่อเลย แต่โอเค ผมเห็นราชกิจจานุเบกษา ผมเชื่อ แต่การกระทำของคุณไม่ใช่นี่ การกระทำของลูกผู้ชายมันต้องตายได้เพื่อประเทศชาติ เพื่อความจริงเพื่อความถูกต้อง อันนี้คุณผิดไปแล้วไม่ยอมรับผิด คุณยังมาดื้อตาใส จบไปแล้วใครห้ามวิจารณ์นะ”
“เราต้องการให้ยอมรับความจริงให้ถูกต้อง ลูกผู้ชายชื่อประยุทธ์ ยังทำไม่ได้แล้วจะเป็นไปทำไม” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ฝากถึงรุ่นน้อง ตท.12
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ