ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งขึ้นภาษีสินค้าจีนในอัตราสูงสุด 30% โดยบางส่วนจะมีผลในวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งเป็นวันชาติจีนพอดี หลังรัฐบาลปักกิ่งขึ้นภาษีสินค้าของสหรัฐอีกชุดใหญ่ และส่วนใหญ่ยังเป็นสินค้าเกษตรรวมถึงถั่วเหลือง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ว่าสำนักงานพิจารณากำแพงภาษีของสภารัฐกิจหรือคณะรัฐมนตรีจีนออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ เรื่องการตั้งกำแพงภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐเพิ่มอีก 5,078 รายการ ซึ่งมูลค่ารวม ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 2.27 ล้านล้านบาท ) ส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรที่รวมถึงถั่วเหลือง ล็อบสเตอร์ เนื้อไก่แช่แข็ง น้ำผลไม้ และเนยถั่ว ตลอดจนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกหลายชนิด โดยอัตราภาษีจะแบ่งบังคับใช้ 2 ช่วง คือ 5% เริ่มวันที่ 1 ก.ย. นี้ และ 15% เริ่มวันที่ 15 ธ.ค. นี้
The Dow plunged more than 600 points after President Trump responded to China's new retaliatory tariffs impacting $75 billion worth of US goods, and criticized the US Federal Reserve https://t.co/9mbT9P50YT pic.twitter.com/F1eTBNghwC
— CNN (@CNN) August 23, 2019
ต่อจากนั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความชุดใหญ่ แสดงความไม่พอใจอย่างหนักต่อมาตรการดังกล่าวของรัฐบาลปักกิ่ง และกล่าวด้วยว่าความเป็นไปได้ในการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสองประเทศจะยิ่งยุ่งยากและลำบากมากขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่กี่วันเพิ่งกล่าวว่าเขาคือ “ผู้ที่ถูกเลือก” ให้เป็นผู้ปรับสมดุลทางการค้ากับจีน โดยผู้นำสหรัฐประกาศปรับเพิ่มอัตราภาษีที่จะใช้กับสินค้าจีนมูลค่า 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 9.1 ล้านล้านบาท ) จากเดิม 10% ขึ้นเป็น 15% และอาจกลับมาบังคับใช้วันที่ 1 ก.ย. ตามเดิม หลังเดิมทีต้องการเลื่อนเป็น 15 ธ.ค. “เพื่อประนีประนอม”
นอกจากนี้ ต่อสินค้าจีนมูลค่า 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 7.59 ล้านล้านบาท ) ทรัมป์ประกาศเพิ่มอัตราภาษีจากเดิม 25% เป็น 30% เริ่ม 1 ต.ค. นี้ ซึ่งตรงกับวันชาติของจีนพอดี พร้อมทั้งประกาศว่าบริษัททุกแห่งของสหรัฐที่มีสาขาหรือฐานการผลิตอยู่ในจีน ควรย้ายกลับประเทศให้หมด ขณะที่สหพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐ ( เอ็นอาร์เอฟ ) ออกแถลงการณ์เตือนว่า ผู้บริโภคในประเทศจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบเช่นเดิม และตั้งคำถามกลับไปยังทำเนียบขาวว่า “เมื่อไหร่เรื่องนี้จะยุติ” ส่วนหอการค้าสหรัฐเรียกร้องให้สหรัฐและจีนกลับมาเจรจากันโดยเร็วที่สุด แต่นายกั๊ว เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ว่าทั้งสองประเทศยังไม่มีกำหนดการประชุมกันแบบพบหน้า นอกเหนือจากการหารือทางโทรศัพท์.
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ