เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม นายอดิศร สินประสงค์ นายกสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สวทอ.) เปิดเผยกรณีสถานศึกษาอาชีวเอกชน ย้ายมาอยู่ภายใต้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) แล้วไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร จึงอยากกลับไปอยู่กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ตามเดิม โดยจะให้เวลาสอศ. 3 เดือนในการพิสูจน์ความจริงใจนั้น ว่า ที่ผ่านมา นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ได้พัฒนาตามข้อเรียกร้องของ สวทอ. เช่น เรื่องเครื่องแบบปฏิบัติการและเครื่องแบบพิธีการ ทั้งยังมีประเด็นเรื่องการเพิ่มเงินเดือนครูเอกชน ที่ต้องเร่งหาทางช่วยเหลืออีก ซึ่งในวันที่ 3 กันยายนนี้ สวทอ. จะเข้าพบนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อหารือเพราะจากข้อมูลพบว่า สถาบันอาชีวศึกษาเอกชนจ่ายเงินเดือนให้ครู ในอัตราเฉลี่ยจำนวน 17,600 บาท ต่อคนต่อเดือน แต่รัฐอุดหนุนเฉลี่ย 14,000 บาทเท่านั้น ส่วนต่าง 3,600 บาท จะสามารถอุดหนุนเพิ่มขึ้นได้หรือไม่ เพื่อให้ครูเอกชนมีขวัญกำลังใจ
“นโยบายรัฐบาลมีการประกันราคาข้าว ประกันราคาสินค้าเกษตร น่าจะมีการประกันราคาเงินเดือนครูอาชีวะเอกชนบ้าง นอกจากนี้ สวทอ. จะหารือกับรัฐมนตรีว่าการศธ. เกี่ยวกับข้อกฎหมาย กฎเกณฑ์ และระเบียบต่างๆ ที่ทำให้การดำเนินงานติดขัด ไม่ราบรื่น เพราะพบปัญหาว่าระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาชีวะเอกชนบางส่วน ยังต้องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) พิจารณา ทั้งที่อาชีวะเอกชนอยู่ในกำกับของ สอศ.แล้ว เพื่อแก้ปัญหาระยะสั้น อยากขอให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ.โอนอำนาจในการตัดสินใจต่างๆ ให้ สอศ.พิจารณาตัดสินใจได้ทันที” นายอดิศร กล่าว
ด้านนายบุญรักษ์ กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของอาชีวะเอกชนนั้น สอศ.ไม่ได้นิ่งนอนใจ และเร่งแก้ไขพัฒนา เพื่อบรรเทาความทุกข์ใจของอาชีวะเอกชน และเดือนกันยายนนี้ ตนจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการอาชีวศึกษา (กอศ.) อนุมัติให้สถาบันอาชีวศึกษาเอกชนที่มีความพร้อมเข้าร่วมสมทบ เปิดสอนระดับปริญญาตรีสายเทคโนโลยี หรือสายปฏิบัติการ (ทล.บ) ได้
“ส่วนการขอเพิ่มเงินเดือนครูเอกชนนั้น เป็นเรื่องของงบประมาณและเกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งอาจจะเกินอำนาจของ สอศ.ในการผลักดัน ถือว่า สอศ.ได้ทำงานตามหน้าที่ของตนเองในการพัฒนาอาชีวะเอกชนแล้ว แต่ถ้าอาชีวะเอกชนอยากให้พัฒนาเรื่องใด จะต้องหารือร่วมกัน เพื่อให้สอศ.รวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอในระดับนโยบายต่อไป” นายบุญรักษ์ กล่าว
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ