หลังนายกฯ ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีไม่ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมอีสานแต่กลับเดินทางไปภาคใต้ ล่าสุดได้ออกมาโต้กลับว่า ต้องการนายกรัฐมนตรีแบบนี้หรือแบบเดิม พร้อมชี้ว่าต่อให้คนที่อยู่ในต่างประเทศกลับมาก็แก้ปัญหาไม่ได้
วันนี้(16 ก.ย.2562) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาบุคลากรภาครัฐ ยุทธศาสตร์ชาติ ภาคปฏิบัติ : ร่วมขยับขับเคลื่อนภาครัฐเพื่อประชาชน (For THAIS) ที่ อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี จ.นนทบุรี ซึ่งจัดโดย สำนักงาน ก.พ.
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับฟังการนำเสนอสรุปโครงการที่เป็นประโยชน์จาก ข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง ทีมนักยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปประเทศเชิงบูรณาการ ผู้นำคลื่นลูกใหม่ในราชการไทย และผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง สำหรับหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง (ป.ย.ป.)
พร้อมกล่าวกับผู้เข้าร่วมสัมมนาว่า กำลังพลคือสิ่งสำคัญ ต้องบูรณาการทุกภาคส่วน ยิ่งข้าราชการทั้งประเทศ มีประมาณ 2 ล้านคน ต้องร่วมมือกันทุกด้านเพื่อสร้างความเข้าใจและความพึงพอใจให้กับประชาชนซึ่งเป็นสำคัญ โดยมีหลักสูตรที่อบรมเกี่ยวกับท้องถิ่นที่จะต้องพิจารณาความเป็นไปได้ในการนำไปมีส่วนกับการเลือกตั้งท้องถิ่น แต่ต้องยึดตามกฎหมายด้วย
ทั้งนี้ ยังหารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ขอให้จัดทำปฏิญญาชุมชนมอบกับผู้มีความชำนาญเฉพาะทาง เพื่อทดแทนผู้ที่จบปริญญาตามปกติ แต่ไม่สามารถทำงานในระบบได้ เนื่องจากขาดความชำนาญและประสบการณ์ ซึ่งต่อไปในการรับข้าราชการจะต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน คือทดแทนตำแหน่งเดิม และตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
นายกรัฐมนตรี ยังตัดพ้อหลังถูกวิจารณ์ไม่แจกเงินให้ผู้ประสบอุทกภัยโดยตรง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งที่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและขั้นตอนตามกฎหมาย โดยขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจ พร้อมเตือนทุกฝ่ายต้องระวัง เพราะยังมีคนในและนอกประเทศบางส่วนที่ไม่รักประเทศไทย คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัว และกล่าวหาในสิ่งที่ไม่ใช่ความจริงเช่น ทำไมนายกรัฐมนตรีไม่ไปลุยน้ำเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน แต่กลับไปลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจในภาคใต้ หรือแม้แต่ฝนตกหนักก็กล่าวโทษรัฐบาล ทั้งที่เรื่องสภาพภูมิอากาศเป็นปัจจัยนอกเหนือการควบคุม อีกทั้งการลงพื้นที่ทุกครั้งมีแต่ของบประมาณ จนทำให้รู้สึกอึดอัดใจ
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า ประเด็นที่ยังถกเถียงกันอยู่ทุกวันนี้ ผิดถูกอย่างไรให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ทุกคนจะมีสิทธิ์มาตัดสินอะไรได้เอง โดยขอทุกฝ่ายให้ความเป็นธรรมกับความเป็นมนุษย์ด้วย ทั้งนี้ยืนยันว่า ได้ปฏิรูปตัวเองแล้วและปฏิรูปอยู่ทุกวันแต่คนที่ทวงถามได้ปฏิรูปตัวเองบ้างหรือยัง ซึ่งปัญหาที่รัฐบาลพบเจอในขณะนี้ แม้แต่คนที่อยู่ต่างประเทศต่อให้กลับมา ก็ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ ดังนั้นวันนี้ไม่อยากจะพูดอะไรมากเพราะจะอารมณ์เสีย ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม พยายามเตือนให้อารมณ์ดี เพื่อที่วันพุธซึ่งตรงกับวันอภิปรายทั่วไปจะได้อารมณ์ดี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับเปลี่ยนประเทศด้วยตัวเราเองและกฎหมายที่มีอยู่ แต่ขณะนี้มีการโจมตีกันในสภาผู้แทนราษฎรและสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้ประเทศเดินหน้าไม่ได้ทั้งนี้แม้ว่าต่างประเทศจะยอมรับและเดินทางมาที่ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก แต่ในประเทศก็ยังมีความขัดแย้งอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ารำคาญ
“ถ้าไม่ใช่ผมอยู่ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีแล้วจะเป็นใคร ขอให้ไปดูกฎหมายรัฐธรรมนูญให้ดี ต้องการผมที่เป็นแบบนี้ หรือ เอาผมที่เป็นแบบก่อนหน้าก็เลือกเอา”
ข่าวจาก : ThaiPBS
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ