พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค จากเดิมวันที่ 24 ต.ค. 2562 เวลา 15.30 น. เป็นวันที่ 12 ธ.ค. 2562 เวลา 15.30 น.
ล่าสุดวันนี้ (21 ต.ค.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ก่อนเปิดแถลงข่าวชี้แจงเหตุผลในการเลื่อนพระราชพิธี สรุปได้ 4 ข้อคือ 1. ทำอย่างไรให้เกิดความสง่างาม 2. ดูแลเรื่องความปลอดภัยของตัวเรือและปลอดภัยต่อผู้เกี่ยวข้อง 3. ให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเรือ เนื่องจากต้องมีระยะต่อ/ระยะเคียงเป็นขบวนพยุหยาตราที่สวยงาม และเป็นครั้งแรกที่จะมีการนำเทคโนโลยีเลเซอร์มาใช้เพื่อคุมระยะห่างของเรือ และ 4. เพื่อลดผลกระทบใด ๆ ที่จะเกิดต่อประชาชน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการปล่อยน้ำ
“หากยังเป็นวันที่ 24 ต.ค. 2562 คงไม่เป็นผลดี ถ้าเลื่อนเป็นวันที่ 12 ธ.ค. จะสามารถควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในแบบแผนได้ จึงเป็นที่มาของการเลื่อนในครั้งนี้” นายวิษณุกล่าว
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ริ้วขบวนจะเป็นดังเดิมคือใช้ขบวนเรือ 52 ลำในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยจะเสด็จพระราชดำเนินจากท่าวาสุกรีไปยังท่าราชวรดิฐ เป็นระยะทาง 3.4 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที
ด้าน พล.ร.ท. ไชยวุฒิ นาวิกาญจนะ เจ้ากรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ กล่าวว่า กรมอุทกศาสตร์มีหน้าที่ตรวจวัดกระแสน้ำและระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา อ่าวไทย พบว่ากระแสน้ำในช่วงเวลาดังกล่าวไม่สามารถคาดเดาได้ ถึงแม้ว่าจะตรวจวัดอยู่อย่างสม่ำเสมอที่บริเวณหน้ากองทัพเรือ ซึ่งสภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. ที่มีการซักซ้อมย่อยนั้น พบว่า มีอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูง ประกอบกับอ่าวไทยมีอิทธิพลความกดอากาศ ทำให้น้ำที่ดันเข้ามามีระดับน้ำสูงมาก อีกทั้งความเร็วกระแสน้ำจะสูงมากขึ้นเกือบ 40 เมตรต่อนาที จึงมีผลกระทบต่อเรือในขบวนพยุหยาตรา เนื่องจากเป็นเรือไม้ ไม่ได้ใช้เครื่องยนต์ และเมื่อเวลาพายท่านกบิน แล้วทำให้แทนที่เราจะสามารถเดินหน้าไปหนึ่ง แต่กลับถอยหลังไปสอง จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ต้องมีการขอเลื่อนพระราชพิธีออกไป
เมื่อเลื่อนพระราชพิธีออกไป นายวิษณุกล่าวว่า จำเป็นต้องมีการซักซ้อมย่อยอีก 4 ครั้ง ได้แก่ 12 พ.ย., 19 พ.ย., 26 พ.ย. และ 3 ธ.ค. และซ้อมใหญ่ (เสมือนจริง) อีก 1 ครั้ง ในวันที่ 9 ธ.ค. จึงขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมรับชมได้ และขอเชิญชวนประชาชนสวมเสื้อเหลืองโดยพร้อมเพรียงกัน และหากประดับเข็มบรมราชาภิเษกก็จะเกิดความสวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อย อย่างไรก็ตามวันที่ 12 ธ.ค. ไม่ได้เป็นวันหยุดราชการ
ส่วนการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่จะเฝ้าละอองธุลีพระบาท และรับชมขบวนพยุหยาตราทางชลมารคนั้น ทางคณะกรรมการฯ จะประสานไปยังกระทรวงคมนาคม โดยจะพูดคุยในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 22 ต.ค. เพื่อให้เจรจากับทางบริษัท ตั๋วรถไฟ ตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถทัวร์ เนื่องจากประชาชนหลายคนได้ซื้อตั๋วแบบเปลี่ยนไม่ได้
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 ต.ค. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม ได้ประชุมร่วมกับรองนายกฯ ที่เกี่ยวข้อง และมอบหมายให้นายวิษณุมาเปิดแถลงข่าวที่รัฐสภา ถึงการเลื่อนพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เป็น 12 ธ.ค. โดยระบุว่า หากเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครในวัน-เวลาตามกำหนดการเดิม จะมีอุปสรรคในเรื่องของสภาพน้ำ รวมทั้งดิน ฟ้า อากาศ รัฐบาลจึงได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยที่จะให้เลื่อนกำหนดเวลาของการมีขบวนเลียบพระนครโดยพยุหยาตราทางชลมารคออกไปจากเดิม
อย่างไรก็ตามก่อนถึงวันที่ 12 ธ.ค. นายวิษณุกล่าวว่า จะมีพิธีการอย่างอื่นที่อาจได้ทราบแล้ว เช่น ทรงเสด็จประพาสสำเพ็ง วันที่ 6 ธ.ค. ทรงเสด็จพระราชดำเนินเปิดงานอุ่นไอรัก 8 ธ.ค.
อนึ่ง ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเบื้องปลาย อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ที่แสดงถึงพระบารมีอันแผ่ไพศาลของพระเจ้าแผ่นดิน ถือเป็นประเพณีอันงดงาม และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของไทยที่สืบทอดมายาวนานจนถึงปัจจุบัน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ