ก.อุตสาหกรรม ยืนยัน 11เดือน ยอดขอลงทุนตั้งโรงงานในไทย4.45แสนล้าน โตสวนทางเศรษฐกิจโลกซบ





น.ส.สุชาดา แทนทรัพย์ โฆษกประจำกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากข้อมูลกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-21 พ.ย. 2562 มีผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการและขยายกิจการรวม 3,950 แห่ง มีการจ้างงานใหม่ 178,733 คน และมูลค่าลงทุนรวม 445,025 ล้านบาท โดยอุตสาหกรรม 5 อันดับแรกที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการสูงสุด ประกอบด้วย กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร 490 โรงงาน มีการจ้างงานใหม่ 33,971 คน มูลค่าการลงทุน 52,033 ล้านบาท

รองลงมาเป็นกลุ่มพลาสติก 425 โรงงาน จ้างงานใหม่ 15,735 คน วงเงินลงทุน 23,351 ล้านบาท กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน 340 โรงงาน จ้างงานใหม่ 15,015 คน วงเงินลงทุน 27,547 ล้านบาท กลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ 327 โรงงาน จ้างงานใหม่ 10,339 คน วงเงินลงทุน 87,631 ล้านบาท และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า 92 โรงงาน จ้างงานใหม่ 19,819 คน วงเงินลงทุน 30,322 ล้านบาท

นอกจากนี้ มีผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการใหม่ 2,975 โรงงาน สูงกว่าโรงงานขอปิดกิจการที่มีจำนวน 1,480 โรงงาน โดยยังมีความต้องการแรงงานใหม่ในภาคอุตสาหกรรมมากกว่าแรงงานที่ถูกเลิกจ้างถึง 141,470 คน ดังนั้นขอให้แรงงานใหม่และผู้ที่ว่างงานมั่นใจว่าโรงงานที่เปิดใหม่ และโรงงานเดิมที่ขยายกิจการจะสามารถรองรับแรงงานที่ต้องการทำงานได้อีกจำนวนมาก

“แม้ทั่วโลกจะเกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแต่นักลงทุนก็ยังลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นนโยบายของรัฐบาล โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงทุนสูงจะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่ม และมีเทคโนโลยีที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่รัฐบาลให้การส่งเสริม และหากโรงงานเริ่มประกอบกิจการก็จะส่งผลให้การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมในไทยเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน”

น.ส.สุชาดา กล่าวเพิ่มเติมว่าข้อมูลเปิดโรงงานใหม่ การปิดกิจการ และการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมของกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ยืนยันสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการลงทุน เห็นได้จากจำนวนการเปิดโรงงานใหม่ที่มีมากกว่าการปิดกิจการโรงงานสูงถึง 101% และเงินลงทุนปี 2562 ที่มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 37.94%

ขณะเดียวกัน ทางสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ได้วิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมในปัจจุบันพบว่าภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ จึงจำเป็นต้องมีแนวทาง และมาตรการที่เร่งด่วนทั้งระยะสั้นและระยะกลาง เพื่อกระตุ้นภาคอุตสาหกรมไทย โดยระยะสั้นภาครัฐต้องเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ กำหนดสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศสำหรับโครงการภาครัฐ เสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากเศรษฐกิจ และดูแลสถานการณ์ค่าเงินบาทเพื่อให้สินค้าและบริการของไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลก

ส่วนมาตรการระยะกลางที่จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของไทย ต้องเร่งผลักดันการลงทุนในอุตสาหกรรมศักยภาพ เร่งส่งเสริมพัฒนาอุตสาหกรรมไทยที่มีศักยภาพ ยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรมรวมถึงการใช้ระบบอัตโนมัติในการผลิตเพื่อเพิ่มผลิตภาพและขีดความสามารถ พัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน เพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่และบรรเทาการว่างงาน มาตรการจูงใจให้ผู้ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนเริ่มลงทุนจริงในปี 2563 และผู้ประกอบการปรับตัวโดยการเพิ่มผลิตภาพ ลดค่าใช้จ่าย และควรพิจารณาเพิ่มการลงทุนในกรณีที่มีสภาพคล่องด้วย

ข่าวจาก ข่าวสดออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: