ตร.เช็กมือถือ เล็งหาคนโทร. “สายสุดท้าย” ยังไม่ฟันธง ใครฆ่า ต้องผลชันสูตรชี้ชัด





จากกรณี นายศิระ สมเดช อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิศวคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยชื่อดัง ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ น.ส.ยุรีย์ เถาวัลย์ อายุ 42 ปี แม่ โดยนำชิ้นส่วนอวัยวะยัดตู้เย็นภายในบ้านพักซอยท่าข้าม 28 แยก 6 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. ก่อนจะใช้อาวุธปืนขนาด .38 ลั่นไกยิงตัวเองที่ขมับข้างขวาทะลุซ้าย 1 นัด เสียชีวิต ทั้งนี้ ทราบว่านายศิระมีอาการป่วยด้วยโรคซึมเศร้า และต้องเข้ารับการรักษากับแพทย์มา 2 ปี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 26 พ.ย. ที่สน.ท่าข้าม พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.น.9 กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ทางตำรวจต้องอาศัยเวลาและพยานหลักฐาน ที่จะทำให้พิสูจน์ทราบได้ว่าการเสียชีวิตของผู้ตายที่ถูกหั่นศพนั้นเกิดจากผู้ใด ในสังคมมองว่าน่าจะเป็นลูกหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่มีประจักษ์พยานยืนยัน

พล.ต.ต.โชคชัย กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวมีแม่กับลูกอยู่เพียงสองคนเท่านั้น โดยมีพยานอีกสองคนเข้ามาแล้วพบกับเหตุการณ์แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยตำรวจพบว่าลูกชายถูกอาวุธปืนยิง ซึ่งพยานสองคนบอกว่าลูกชายได้ใช้อาวุธปืนยิงตัวเอง

ผบก.น.9 กล่าวถึงกระแสสังคมที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของทั้งสองคนหรือไม่ ว่า ในส่วนนี้เจ้าหน้าที่จะพยายามรวบรวมพยานหลักฐาน และรับฟังอยู่ โดยตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็น เราไม่ได้ระบุว่าลูกเป็นคนทำ เรารู้แต่ว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาแต่ยังไม่มีอะไรมาตอบข้อสงสัย ซึ่งเราก็ต้องหาพยานหลักฐานที่มีทุกอย่าง

ผู้สื่อข่าวถามว่า สิ่งที่ต้องการหามีอะไรเพิ่มเติมอีกนอกจากกล้องวงจรปิด โทรศัพท์ และพยานแวดล้อม ฯลฯ พล.ต.ต.โชคชัย กล่าวว่า ต้องการทุกอย่าง โดยได้ให้ฝ่ายสืบสวนสืบสวนในเชิงเทคนิคได้ความชัดเจนกระจ่างอะไรแล้วจะชี้แจงให้ทราบ ส่วนข้อสงสัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่กำลังทำงานกันอยู่ ส่วนเรื่องการเสียชีวิตต้องให้ทางแพทย์รายงานผลการชันสูตรมาว่า เขาตายไปกี่ชั่วโมง ในทางสืบสวนก็ต้องดูว่าผู้ตายติดต่อกับใคร ครั้งสุดท้ายมีการติดต่อเมื่อไหร่ แล้วพอมีพยานหลักฐานอะไรจะเชื่อมโยงว่าเป็นเรื่องที่พอจะยืนยันได้ว่าผู้ตายจะมีชีวิตอยู่ตอนนั้นหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องของการสืบสวน

พล.ต.ต.โชคชัย กล่าวอีกว่า เหตุเกิดยังไม่ถึง 24 ชั่วโมง ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่งานสืบสวนทั้งสืบสวนบก.น.9 และสืบสวนสน.ท่าข้ามได้ทำงานกันก่อน ทั้งนี้ จะมีการประชุมทีมสืบสวนเพื่อรวบรวมว่าประเด็นใดบ้างควรจะต้องไปดำเนินการ ถึงจะมาสรุปรวมอีกครั้งว่าประเด็นการเสียชีวิตของทั้งสองคนเกิดจากผู้ใดเป็นผู้ทำ

พล.ต.ต.โชคชัย กล่าวว่า เตรียมเรียกสองพยานที่พบศพมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อให้สิ้นกระแสความ ในฐานะที่บุคคลทั้งสองมีความใกล้ชิดกับผู้ตาย ทั้งนี้ ได้มีการเก็บดีเอ็นเอ คราบเขม่าปืนจากพยานทั้งสองคนที่เข้าไปด้วย รวมถึงจะสอบสวนพยานแวดล้อมต่าง ๆ เพื่อเชื่อมโยงพยานทั้งสองคนในประเด็นที่สังคมสงสัยให้คลี่คลายทุกประเด็น

ผบก.น.9 กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ จะต้องไปสอบปากคำแพทย์โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาที่จ่ายยา ว่าอาการป่วยของผู้ตายถึงขั้นไหนจะตัองพิสูจน์ทราบ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่าใครเป็นผู้ฆาตกรรม จึงต้องอาศัยพยานแวดล้อม และพยานหลักฐานอื่น ๆ ให้ตอบข้อสงสัยให้ครบถ้วน ส่วนประเด็นของคนที่ก่อเหตุมีมากกว่าหนึ่งคนหรือไม่ ทางตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง ยืนยันว่าตำรวจไม่กดดัน ในการทำงาน โดยจะต้องคลี่คลายข้อสงสัยในทุกประเด็นให้สังคมได้รับทราบข้อเท็จจริง

ส่วนกรณีที่ผู้เสียชีวิตถนัดมือซ้ายแต่ยิงตัวเองด้วยมือขวานั้น พ.ต.อ.ธีระ เถระพัฒน์ ผกก.สน.ท่าข้าม กล่าวว่า หลักฐานสำคัญที่จะสามารถยืนยันได้เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างรอผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ส่วนอาวุธมีดนั้นไม่พบคราบเลือด แต่เจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมมีดทั้งหมดเพื่อตรวจสอบแล้ว

พ.ต.อ.ธีระ กล่าวต่อว่า ส่วนชิ้นส่วนอวัยวะต่าง ๆ ทางแพทย์ยืนยันว่าได้ครบทุกส่วนแล้ว รวมถึงได้สอบปากคำตำรวจที่อยู่หน้าบ้านหลังเกิดเหตุแล้ว เบื้องต้นให้การว่าก่อนจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นนั้น ได้ยินเสียงลูกชายร้องโวยวายว่าไม่ต้องเข้ามาภายในบ้าน แต่ไม่ได้ยินเสียงทะเลาะอะไร ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของพยานที่อยู่ในบ้าน อย่างไรก็ตาม จะต้องสอบปากคำตำรวจนายดังกล่าวอย่างละเอียดอีกครั้ง

พ.ต.อ.ธีระ กล่าวอีกว่า หลักฐานทางวิทยาศาสตร์จะตอบข้อสงสัยได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งหมดยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง เราไม่มีใครเห็นเหตุการณ์แต่อยากทราบข้อเท็จจริง ตำรวจพยายามไปถึงผู้ได้รับบาดเจ็บขณะนั้นยังไม่เสียชีวิต ได้ตัดสินใจให้นำส่งโรงพยาบาล เพราะหวังว่าจะได้ความจริงด้วยแต่ไม่สามารถยื้อชีวิตได้

ข่าวจาก ข่าวสดออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: