“บิ๊กแดง” นำ ผบ.เหล่าทัพ แจงงบกลาโหม “2.3แสนล้านบาท” เพิ่มขึ้นตามยุทธศาสตร์ชาติ





เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 28 พ.ย. ที่ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ได้มีการพิจารณางบของกระทรวงกลาโหม โดยมีตัวแทนจาก 6 หน่วยงาน ประกอบด้วย พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทส.) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ) พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย รองปลัดกระทรวงกลาโหม และพล.อ.อ.ดร.ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ

 

 

โดยมีนายวีระกร คำประกอบ รองประธาน กมธ. คนที่ 5 เป็นประธานฯ พร้อมด้วย กมธ. อาทิ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานที่ปรึกษา กมธ. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปรึกษา กมธ. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เลขานุการ กมธ. ร่วมรับฟังการชี้แจง

 

 

โดยพล.อ.ณัฐ กล่าวชี้แจงว่า ตามร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2563 กระทรวงกลาโหมได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 233,353,433,300 บาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2562 จำนวน 6,226 ล้านบาท คิดเป็น 2.74 เปอร์เซ็นต์ต่อวงเงินงบประมาณ ซึ่งเราจะนำไปดำเนินตามกิจการของกระทรวงกลาโหมที่ได้รับมอบหมายภายใต้แผนปฏิบัติราชการประจำปี 2563 ของกระทรวงที่มีความเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ และอำนาจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนปฏิรูประเทศ และยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2563

พล.อ.ณัฐ กล่าวเพิ่มเติมในรายละเอียดว่า กระทรวงกลาโหมได้รับมอบภารกิจในการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ปกป้องเอกราช รักษาอธิปไตยความมั่นคงของรัฐ และผลประโยชน์ของประเทศชาติ ดำรงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ และความสงบของประชาชน โดยยึดมั่นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษติรย์ และประชาชน

กระทรวงกลาโหมจึงต้องเสริมสร้างความพร้อมรบ ทั้งในด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ แผนการปฏิบัติด้านการรบ เพื่อให้มีความพร้อมที่จะนำไปสู่ภารกิจการป้องกัน และรักษาประเทศไว้ อีกทั้งยังสามารถรับมือกับภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติในทุกมิติได้ รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์อันดีเพื่อสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และลดความหวาดระแวงด้านสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงให้เกิดขึ้นในภูมิภาค

โดยมีการกำหนดวิสัยทัศน์เอาไว้ว่า ต้องมีศักยภาพทางการทหารทัดเทียมกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในปี 2569 ซึ่งได้มีการเสริมสร้าง พัฒนากองทัพให้มีโครงสร้างและศักยภาพเพียงพอและเหมาะสม ทั้งในด้านกำลังพล การข่าวด้านยุทธการ ตลอดจนอาวุธยุทโปกรณ์ และส่งเสริมงานด้ายวิจัยวิทยาศาตร์ และเทคโนโลยี และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ให้มีความเข้มแข็งมุ่งไปสู่การพึ่งพาตนเองได้

พล.อ.ณัฐ กล่าวอีกว่า ในปี 2562 ที่ผ่านมาทางกระทรวงกลาโหมได้มีการดำเนินงานด้านความมั่นคงบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้กำหนดไว้ โดยมีเรื่องของการแก้ปัญหายาเสพติด การค้าอาวุธสงครามและสิ่งผิดกฎหมาย ด้วยการจัดกำลังลาดตระเวน สนธิกำลังเข้าตรวจค้น และจุดตรวจจุดค้นตลอดแนวชายแดน และช่องทางธรรมชาติ รวมทั้งได้มีการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อบ้าน เพื่อขจัดปัญหาที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน การสร้างสภาวะแวดล้อมให้เป็นแนวปลอดภัยของชีวิต แก้ไขปัญหาผู้มีอิทธิพล การค้ามนุษย์ และสิ่งผิดกฎหมายอื่น

แนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบาล เช่น การทำประมงผิดกฎหมาย การจัดระเบียบสังคม โดยจัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ของกระทรวงกลาโหม และกองทัพไทย โดยแฉพาะการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิต ด้วยการปฏิบัติการทางทหาร การพัฒนาช่วยเหลือประชาชน และสนับสนุนการพูดคุยเพื่อสร้างความสงบสุข ให้เกิดขึ้น นอกจากนั้นยังได้มีการกระชับความสัมพันธ์ เสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มอาเซียน

ข่าวจาก ข่าวสดออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: