“นายกฯ-พปชร.”ยื่นคำขาดพรรคร่วมหากสภาล่มเป็นครั้งที่3ในการโหวตล้มตั้งกมธ.ศึกษาผลกระทบม.44 จะปรับครม.หรือไม่ก็ยุบสภา
แหล่งข่าวจากพรรคร่วมรัฐบาลเปิดเผยว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 4 ธ.ค.นี้ จะมีการลงมติให้มีการทบทวนมติการโหวตตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และการใช้อำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามมาตรา 44 ตามเดิม แม้ที่ผ่านมา การพิจารณาญัตติดังกล่าวเกิดเหตุองค์ประชุมล่มมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งนี้ ทาง พล.อ.ประยุทธ์ และแกนนำของพรรคพลังประชารัฐได้กำชับและยื่นเงื่อนไขไปยังแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลว่า สภาจะล่มเป็นครั้งที่3ไม่ได้และเสียงของพรรคร่วมจะต้องครบ
“หากสภาล่มอีกโทษสถานเบาคือมีการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)และโทษสถานหนักคือยุบสภา ทุกพรรคต้องไปกำชับสมาชิกให้พร้อมเพรียงกัน”แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้จำนวนส.ส.ในสภาฯมีทั้งสิ้น 498 คน จากจำนวน 500 คน โดย 2 คนที่ขาดไปคือ 1.นายนวัธ เตาะเจริญสุข อดีตส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก คดีจ้างวานฆ่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเลือกตั้งซ่อม 2.นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา คดีทุจริตการเลือกตั้ง ต้องถูกหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นองค์ประชุมองค์ประชุมที่จะทำให้การประชุมสภาฯดำเนินการได้ จะต้องมีไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่คือ 249 คน
สำหรับเสียงส.ส.ฝ่ายรัฐบาลมี 254 เสียง เบื้องต้นหายไป 5 เสียง ประกอบด้วย 1.นายชัย ชิด ชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ที่ป่วยอยู่ 2.นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อยู่ระหว่างการพักฟื้นหลังบายพาสหัวใจ 3.นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ 4.นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ถูกพักการปฏิบัติหน้าที่ และล่าสุด ศาลออกหมายจับ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ในคดีล้มประชุมอาเซียนปี 52 ซึ่งศาลฎีกาได้พิพากษาจำคุกแกนนำคนอื่นไปแล้ว คนละ 4 ปี ปรับคนละ 200 บาท แต่ พ.ต.ท.ไวพจน์ ได้ขอเลื่อนฟังคำพิพากษา แต่ศาลไม่อนุญาติ จึงทำให้เสียงของรัฐบาลมีเพียง 249 เสียง ครบองค์ประชุมพอดี
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมวิปรัฐบาลวันที่ 2ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้วางแนวทางป้องกันเหตุองค์ประชุมล่มไว้ในเบื้องต้นคือ 1.การเสนอให้ตรวจสอบองค์ประชุมด้วยการขานชื่อเป็นรายบุคคล แทนการเสียบบัตรลงคะแนน เพื่อให้ส.ส.ที่ติดภารกิจประชุมคณะกรรมาธิการสามัญ หรือคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี2563 สามารถมาแสดงตนเป็นองค์ประชุมได้ทัน รวมถึงป้องกันกรณีบัตรประจำตัวส.ส.ขัดข้องในการเสียบบัตรแสดงตน เพราะมีส.ส.หลายคนแจ้งมายังวิปรัฐบาลว่า การประชุมสภาฯหลายครั้งที่ผ่านมา ได้เสียบบัตรแสดงตนเป็นองค์ประชุม แต่ปรากฏว่า ระบบไม่ขึ้นชื่อว่าร่วมเป็นองค์ประชุม
2.การกำหนดให้วิปรัฐบาล 1คน ทำหน้าที่ประสานงานส.ส. 6 คน โดยเฉพาะในส่วนส.ส.พลังประชารัฐได้กำหนดขั้นตอนว่า วิปรัฐบาลคนใดติดต่อส.ส.ที่อยู่ในกลุ่มตนเองไปแล้ว แต่ส.ส.คนดังกล่าวไม่ติดต่อกลับมา ขอให้แจ้งต่อกรรมการบริหารพรรค หรือส.ส.อาวุโสให้เป็นผู้ประสาน งานติดต่อส.ส.คนดังกล่าวแทน เพราะที่ผ่านมา มีเหตุการณ์วิปรัฐบาลประสานงานติดต่อส.ส.หลายครั้ง แต่ส.ส.บางคนไม่ให้ความร่วมมือ เช่น อ่านไลน์แล้วไม่ตอบกลับ หรือโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้ในวันประชุม จึงต้องให้กรรมการบริหารพรรคหรือส.ส.อาวุโสมาช่วยเคลียร์ เพื่อให้ส.ส.เหล่านี้เกิดความเกรงใจ ให้ความสำคัญกับการประชุมสภาฯมากขึ้น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ