วันที่ 25 ม.ค. ที่ จ.เชียงใหม่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง พร้อมมอบนโยบายให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรที่ประสบปัญหา โดยตรวจดูการขุดลอกแม่น้ำปิง บริเวณประตูระบายน้ำท่าวังตาล ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่ประสบปัญหาตะกอนดินขวางทางน้ำ เป็นอุปสรรคของการระบายน้ำสู่พื้นที่อำเภอทางตอนใต้ของจังหวัด
รองนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้สำนักชลประทานที่ 1 และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้บริหารจัดการน้ำที่มีอยู่ อย่าให้ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคแม้แต่หมู่บ้านเดียว พื้นที่ไหนมีปัญหาก็ให้รีบดำเนินการช่วยเหลือ โดยวิกฤตแล้งหนักเมื่อปี 2559 ก็แก้ปัญหาผ่านมาได้ ปีนี้ก็หวังว่าจะแก้ปัญหาให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปได้ให้ถึงเดือนกรกฏาคม
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า หลังฟังบรรยายสรุปก็สบายใจและมั่นใจว่าจะมีอุปโภคบริโภคไปจนถึงเดือนกรกฏาคม แต่น้ำใช้สำหรับการเกษตรอาจมีน้อย ทุกคนต้องช่วยกันเก็บน้ำไว้ ไม่ให้น้ำไหลลงทะเลไปหมด ส่วนภาพรวมภัยแล้งทั้งประเทศก็ยังดีอยู่ มีการขุดบ่อบาดาล 571 บ่อ ทั่วประเทศ จะช่วยให้ประชาชนไม่ได้เดือดร้อนได้
เมื่อถามว่าไม่ต้องถึงขั้นงดเล่นสงกรานต์ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่าไม่ต้อง เขาเตรียมน้ำไว้ให้เล่นสงกรานต์แล้ว
ผู้สื่อข่าว ถามถึงข้อวิจารณ์เรื่องการใช้งบประมาณถึง 3,000 ล้านบาท ในการขุดเจาะบ่อบาดาลว่า “โอ๊ย ไม่มากหรอกครับ มันทำหลายอย่างอ่ะนะ เราขอมา 3 พันล้าน เราขุดบ่อน้ำบาดาลก็ขุดบ่อละล้าน แล้วก็ใช้ดูแลน้ำประปา แก้ไขน้ำประปา ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ไม่สูงหรอกครับ”
ในวันเดียวกัน รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานส่งมอบแผนขุดเจาะบ่อบาดาล เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ในพื้นที่ 15 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ ที่วัดสีมาราม ต.สันกลาง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
ทั้งนี้ สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย เจาะบ่อน้ำบาดาลในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จำนวน 57 บ่อ ในพื้นที่ 15 อำเภอ และ สนับสนุนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลอีก 3 บ่อ ปัจจุบันขุดเจาะแล้วเสร็จจำนวน 3 บ่อ ประกอบด้วย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านเปียง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ 1 บ่อ, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลห้วยหละ อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน และบ้านมอญ (วัดสีมาราม) ต.สันกลาง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และอยู่ระหว่างดำเนินการที่ โรงเรียนเชียงดาววิทยาคม ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ