ครบรอบ17ปี ปฏิบัติการ “โปเชนตง” รัฐบาลรีบพาคนกลับบ้านอย่างปลอดภัย





29 ม.ค. วันนี้ในอดีตเคยมี ‘ปฏิบัติการโปเชนตง’ เหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและประสิทธิภาพของรัฐบาล ยามตกอยู่ในภาวะฉุกเฉินโอกาสนี้ ‘วอยซ์ออนไลน์’ ชวนพลิกปฏิทินย้อนกลับไปดู ‘ปฏิบัติการโปเชนตง’ หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาล

เมื่อวันที่ 29 ม.ค.2546 หรือ 17 ปีก่อน ชาวกัมพูชาได้ก่อเหตุจลาจลในกรุงพนมเปญ สาเหตุเริ่มต้นจากบทความในหนังสือพิมพ์ ‘รัศมี อังกอร์’ ของกัมพูชา กล่าวหาอย่างผิดๆ ว่านักแสดงหญิงไทยอ้างว่านครวัดเป็นของประเทศไทย สื่อสิ่งพิมพ์และสื่อวิทยุกัมพูชาอื่นๆ ได้หยิบยกเอารายงานดังกล่าวปลุกความรู้สึกชาตินิยมเพิ่มขึ้นไปอีกจนทำให้เกิดความวุ่นวาย

สถานทูตไทย ริมถนนนโรดมสีหนุ และโรงแรมของคนไทย เช่น รอยัล พนมเปญ , รีเจ้นท์ ปาร์ค ถูกเผา มีการปล้นสะดมทรัพย์สินของธุรกิจไทยในกัมพูชา พี่น้องชาวไทยตกอยู่ในความหวาดกลัว เหตุการณ์รุนแรงถึงขนาดมีชาวกัมพูชาบางคนเผาพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ประมาณ 4 ทุ่มของคืนวันที่ 29 ม.ค. ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือเครียดร่วมกับฝ่ายความมั่นคง โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผบ.สส. เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์

‘ทักษิณ’ ยกหูโทรศัพท์เจรจากับ นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ของกัมพูชา ว่าต้องเอาคนไทยออกมาให้หมด ก่อนสั่งเปิด “ปฏิบัติการโปเชนตง” (Operation Pochentong) ซึ่งเป็นชื่อท่าอากาศยานนานาชาติของพนมเปญ หวัง “พาคนไทยกลับบ้าน”

ศักดิ์ศรีและชีวิตมาก่อน

ทักษิณส่งเครื่องบิน C-130 หน่วยคอมมานโด ชุดลาดตระเวน-ยุทธวิธี เหินฟ้าไปรับคนไทยราว 700 คน ที่หนีไฟแค้นในเขมร

ขณะที่อีกฝากในน่านน้ำ เรือหลวงจักรีนฤเบศร์ไปลอยลำอยู่ในอ่าวไทย ช่วงเขตรอยต่อน่านน้ำไทย-กัมพูชา พร้อมกองเรือรบ เครื่องบินขับไล่ F-16 บินลาดตระเวนพรมแดนตะวันออก พร้อมจะเข้าน่านฟ้ากัมพูชาทันทีหากจำเป็น !!

หลังจากผสานกับ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ทีมงานได้นัดแนะผู้คนเพื่อเตรียมไปขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน ทันทีที่รุ่งเช้าของพนมเปญ โดยอดีตนายกฯ ทักษิณ กำชับว่า ทุกคนต้องกลับบ้านอย่างปลอดภัย และให้ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของไทย

หนึ่งในข้อความของนายกรัฐมนตรีที่ถูกพูดถึงผ่านสื่อมวลชนอย่างมากเวลานั้นคือ “ความสัมพันธ์ว่ากันทีหลัง ผมถือว่าเรื่องศักดิ์ศรีและชีวิตรับไม่ได้” หลังสั่งการโดยไม่สนว่ารัฐบาลกัมพูชาจะยินดีหรือไม่

เวลาราว 05.00 น.ของวันที่ 30 ม.ค. เครื่องบิน C-130 ลำแรก ตามด้วย 2 – 3 – 4 – 5 ทะยานขึ้นฟ้า มุ่งสู่สนามบินโปเชนตง โดยมีคอมมานโดและหน่วยรบพิเศษ กระจายกันอยู่ทุกลำ พร้อมเผชิญสถานการณ์ฉุกเฉิน

เมื่อไปถึงโปเชนตง เครื่องบิน C-130 ทั้ง 5 ลำ ที่ลงจอดไม่มีการดับเครื่อง หน่วยคอมมานโดและทหารรบพิเศษ ไม่ต่ำกว่า 100 คน พร้อมอาวุธครบมือและรถฮัมวี่ วิ่งลงจากเครื่องบินด้วยสมาธิและวินัย ออกกระจายโดยรอบสนามบินเพื่อรักษาความปลอดภัย ในขณะที่คนไทยเดินเรียงแถวตอน 1 ขึ้นเครื่อง มีเจ้าหน้าที่ตรวจนับจำนวน

ครบจำนวน กัปตันเดินเครื่อง !

C-130 ทยอยขึ้นแหวกอากาศในกรุงพนมเปญและกลับมาลงจอดที่สนามบินกองทัพอากาศดอนเมือง ลำเเรกเวลาประมาณ 7.50 น. และครบทั้ง 5 ลำ ในเวลา 9.40 น. คนไทยชุดแรก 511 คน และ ชุดที่ 2 จำนวน 192 คน รวมทั้งเอกอัครราชทูตไทย ผู้ช่วยทูต และเจ้าหน้าที่สถานทูตไทย เดินลงเครื่องอย่างปลอดภัย ท่ามกลางเสียงปรบมือดังกระหึ่มและความดีใจของคนทั้งประเทศ โดยมีนายกรัฐมนตรีมารอรับด้วยตนเอง

หลังเหตุวุ่นวายสงบลง รัฐบาลไทยได้สั่งปิดพรมแดนของประเทศที่ติดกับกัมพูชา และได้มีการเปิดอีกครั้งเมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2546 หลังจากรัฐบาลกัมพูชาจ่ายเงิน 6 ล้านเหรียญสหรัฐเป็นค่าชดเชยสำหรับสถานทูตไทยที่ถูกทำลายไป 

ทั้งหมดนี้ คือ เหตุการณ์ตัวอย่างในอดีตที่แสดงให้ถึงศักยภาพของรัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคง ยามเจอกับสถานการณ์ฉุกเฉิน

ข่าวจาก voicetv

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: