เมื่อเวลา 13.35 น. ที่ พล.ม.2 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงข่าวภายหลังเดินทางกลับจาก จ.นครราชสีมา ทันที ว่า ทุกคนทราบดี สถานการณ์เกิดขึ้น ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. ซึ่งรัฐบาลโดยตนเองและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหา ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ตามกฎหมายทุกประการ
โดยยึดหลักความถูกต้อง ว่าทำอย่างไรให้ประชาชนปลอดภัย โดยเฉพาะการดูแลประชาชนที่หลบอยู่ในพื้นที่และในจุดต่างๆภายในอาคาร เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รัฐบาลจะละเลยความรับผิดชอบนี้ไปไม่ได้ รวมถึงฝ่ายความมั่นคงด้วย เป็นสิ่งที่เราจะต้องช่วยเหลือกันว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประการแรกคือ อยากให้ดูว่าทำไมถึงก่อเหตุ ใช้โทรศัพท์ ใช้โซเชียลมีเดียโพสต์ออกมา แสดงว่าเขามีการใช้สื่อโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวาง กว่าเราจะสามารถปิดเฟซบุ๊กของเขาต้องประสานงานไปที่บริษัทต่างประเทศ เพราะการขอปิดแบบนี้จะต้องใช้กฎหมายทุกตัว รวมถึงขอคำสั่งศาล ตรงนี้เป็นสิ่งที่หลายคนเป็นห่วงว่าทำไมรัฐบาลถึงปล่อยให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งการจะขอให้เว็บไซต์ปิดได้ก็มีกฎหมายคุ้มครอง รวมถึงเรื่องสิทธิส่วนบุคคลด้วย
จึงขอให้เข้าใจ ไม่เช่นนั้นเราจะใช้สิ่งที่เป็นประโยชน์ไม่เกิดประโยชน์ ทำให้เกิดความชาชินเรื่องความรุนแรง เราต้องช่วยกันแก้ไข เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกคนทราบดีถึงสาเหตุอยู่แล้วว่าเกิดจากความขัดแย้งส่วนตัว แล้วมีความกดดันต่างๆทำให้อารมณ์คุ้มคลั่ง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน เราต้องมาย้อนกลับดูว่าการที่ดำเนินการไปแล้วถูกต้องหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากการที่ตนได้ไปฟังรายงานสรุป ก็ได้ให้คำแนะนำต่างๆไปหลายอย่าง เราอาจจะบอกได้ว่าถ้าทำครบถ้วนแล้วอาจจะลดความรุนแรงได้มากกว่านี้หรือไม่ และเมื่อเราทำครบถ้วนของเราแล้ว เพียงพอหรือยัง จะต้องทำอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ตั้งแต่มาตรการดูแล ซึ่งแต่เดิมมันเคยเพียงพอ เช่น เจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องกระสุน แต่วันนี้เขาถูกทำร้ายจนเสียชีวิต และถูกนำอาวุธออกมาได้ ตรงนี้เราต้องคิดใหม่ และหามาตรการฉุกเฉิน เพราะไม่เคยเกิดขึ้น มันเป็นเหตุการณ์สุดวิสัยไม่ปกติ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประการที่สองคือ เรื่องการใช้อาวุธของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผู้ร้ายหรือใครก็ตาม หรือแม้จะทำความผิดรุนแรงขนาดไหนก็ตาม จะต้องมีมาตรการที่เหมาะสมเป็นขั้นตอน ที่สำคัญจะต้องดูว่าคนที่อยู่ในอาคารจะต้องหลบอย่างไร ไม่ให้เกิดการสูญเสียมากขึ้นกว่าเดิม
ขั้นตอนคือ กว่าจะเอาคนออกมาได้หมด ถึงจะใช้อาวุธได้เต็มที่ แล้วเจ้าหน้าที่ก็เสียสละชีวิตไปหลายคน เพราะเขาไม่กล้าใช้อาวุธอย่างเต็มที่ ดังนั้น การเข้าไปหา และอีกฝ่ายนึงอยู่ในที่กำบังที่เหมาะสม ตัวอาคารก็มีซอกมุมที่ใช้ลบได้ง่าย การตรวจการณ์จึงทำได้ยาก
นายกฯ กล่าวว่า เราอย่ามามองว่าเราทำงานไม่ดีไม่เก่งอะไรเลย หรือทำให้เวลามันเนิ่นนาน นั่นไงคือปัญหาของเรา ว่าทำอย่างไรจะสงวนชีวิตคนกว่าร้อยที่อยู่ในอาคาร ซึ่งท้ายที่สุดก็มีการใช้อาวุธปะทะกัน ไม่ใช้คำว่าวิสามัญดีกว่า ตนถือว่ามีการใช้อาวุธต่อเจ้าหน้าที่ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ก็มีสิทธิใช้อาวุธเช่นเดียวกัน เราไม่อยากให้ใครสูญเสียที้งสิ้น ถ้าถามว่า อยากให้เหตุการณ์ยุติเร็วหรือไม่
ตนขอตอบว่า อยากให้ยุติตั้งแต่โอกาสแรก แต่มันทำไม่ได้ เพราะมีประชาชนติดอยู่ในนั้น ฉะนั้น สิ่งที่จะต้องดูกันต่อไปทั้งฝ่ายความมั่นคง ทหาร หน่วยต่างๆ ต้องมาดูเรื่องที่เกิดขึ้น สิ่งสำคัญจิตใจคนเรายากแท้หยั่งถึง บางทีซึมเศร้า โกรธแค้น บางทีไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเพราะควบคุมไม่ได้ ตนจึงได้ให้กรมสุขภาพจิตประเมินทั้งครอบครัวผู้บาดเจ็บ ผู้สูญเสีย ดูแลเอาใจใส่เขา
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการก็ต้องเข้าไปดูว่าใครที่จะมีปัญหากับการเรียน เพราะมีนักเรียนได้รับบาดเจ็บด้วย จึงเป็นห่วงเรื่องการเรียนของเขา ขณะเดียวกันในส่วนของแรงงานก็ต้องไปดู หลายกระทรวงต้องทำงานร่วมกัน ตั้งแต่ขั้นตอนแรกก่อนเกิดเหตุ ป้องกัน ป้องปราม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้อีก ไม่ใช่วัวหายล้อมคอก เพราะกติกาเดิมมีขีดความสามารถตามสากลอยู่แล้ว เพียงแต่คนเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าจะใครทั้งสิ้น แต่เราก็รับผิดชอบอยู่แล้ว ไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ ต้องแก้ปัญหากันไป ตนหวังความร่วมมือของทุกฝ่ายในการช่วยกันแก้ปัญหา
นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่รู้สึกดีใจคือประชาชนทุกคนส่งความรักความปรารถนาดีไปให้ชาวโคราช ซึ่งชาวโคราชตอนนี้มีสองส่วนคือ ผู้ได้รับความบาดเจ็บสูญเสีย ต้องเสียใจสุดซึ้งกับเขา และคนที่ขวัญเสียกับเหตุการณ์ที่เกิดในพื้นที่เขา ดังนั้นวันนี้ตนจึงไปในสองบทบาท ให้กำลังใจชาวโคราชและให้กำลังใจผู้บาดเจ็บสูญเสีย ตนแยกกรณีออก ผู้สูญเสียก็ไปเยี่ยมถึงโรงพยาบาล มอบของเล็กๆ น้อยๆ ให้ผู้บาดเจ็บ และให้กำลังใจพ่อแม่พี่น้อง ทุกคนดูเข้าใจสถานการณ์ดี
ตนไม่อยากให้ไปขยายในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ มันจะสร้างความขัดแย้งไปเรื่อยๆ ส่วนประชาชนที่มารับหรือผู้ที่อยู่โรงพยาบาล ตนก็ได้พูดคุย พวกเขาก็ไม่มีอะไร อย่าเอาสองเหตุการณ์มาพันกัน อย่าบอกว่าตนมาตรงนี้แล้วคึกครื้นรื่นเริงมันไม่ใช่ เพราะประชาชนต้องแยกแยะให้ออก หลายเรื่องเอามาพันกันไปมาก็ทำให้แก้ปัญหาไม่ได้
“ฉะนั้น เหตุการณ์นี้เราต้องถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของรัฐบาลของทุกภาคส่วน ต้องเสียใจอย่างสุดซึ้ง ที่เรียกกลับมาไม่ได้ และต้องขอบคุณแพทย์ พยาบาล กระทรวงสาธารณสุขที่เข้าไปดูแลตั้งแต่ต้นตามที่ผมได้สั่งการไป ขอบคุณทุกส่วน แพทย์และพยาบาลไม่ได้พักผ่อน เพราะมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก มีการผ่าตัด ห้องผ่าตัดต้องจัดคิวกันใหม่ แต่ต้องชื่นชมทุกคนทำทุกอย่างได้ดียิ่ง นี่คือสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าเราเอาสิ่งไม่ดีมาพูดบ่อยๆ จะแก้ปัญหาไม่ได้” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่คนเป็นห่วงอีกอย่างคือ ประชาชนโพสต์เข้ามาขอให้มีการปฏิรูปสื่อ ซึ่งตนคงไปแตะต้องท่านไม่ได้มากนักหรอก เป็นเรื่องของสื่อเองที่จะทำจิตสำนึกได้อย่างไร หลายอย่างจะเห็นได้ว่าทุกอย่างที่เจ้าหน้าที่ทำออกสื่อทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภาพ ข่าว หรือการเตรียมตัวของเจ้าหน้าที่ ขณะนั้นการใช้โทรศัพท์ เฟสบุ๊คของผู้ก่อเหตุยังปิดไม่ได้ เห็นหรือไม่
เขาจึงรู้หมดเจ้าหน้าที่กำลังทำอะไร นี่คืออันตรายที่มันจะเกิดขึ้น สิ่งสำคัญเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ขอให้ฟังเจ้าหน้าที่ และสอบถามเป็นขั้นเป็นตอน เพราะการไปสอบถามคนนั้นคนนี่ไปออกอากาศบางทีมันพัลวันพัลเกกันไปหมด ส่งผลให้แก้ปัญหายากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น สิ่งต่างๆ เหล่านี้เราควรร่วมมือกันใช่หรือไม่
“ทุกอย่างต้องมีบทเรียน ผมก็มีบทเรียนของผม สื่อก็มีบทเรียนของสื่อ เข้าใจหรือไม่ ประชาชนก็มีบทเรียนว่าต้องทำอย่างไร สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าเสียใจ มันเรียกลับมาไม่ได้ สิ่งที่เราต้องทำต่อคือแก้ปัญหาเหล่านี้ต่อไปอย่างไรด้วยความรัก ความสามัคคี ความห่วงใย หยุดสร้างความเกลียดชังเหล่านี้สำคัญสุดในวาระนี้ และวาระต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับเรื่องค่าใช้จ่ายและการดูแลต่างๆ ในขั้นต้นทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เข้าไปดูแลและสำรวจ ซึ่งมีงบประมาณส่วนหนึ่งอยู่แล้วในการใช้ฉุกเฉิน รวมถึงกระทรวงต่างๆที่จะเข้าไปดูแล ดังนั้นประชาชน ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลจะไม่ต้องเสียเงิน เพราะรัฐบาลจะดูแลทั้งหมดไม่ว่าจะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลรัฐหรือโรงพยาบาลเอกชน
ในส่วนผู้เสียชีวิตก็จะมีเงินช่วยเหลือในการจัดงานศพและต้องดูแลเป็นพิเศษ ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตก็เป็นไปตามกฎระเบียบมีการเลื่อนขั้นชั้นยศตามระเบียบที่มีอยู่แล้วเดิม ซึ่งครอบครัวก็เสียใจแต่ก็คงภูมิใจในการทำหน้าที่ อีกทั้งสิ่งเหล่านี้ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่ามีอะไรอยู่แล้วบ้าง โดยรัฐบาลต้องดูแลและทำตามมาตรฐานที่มีอยู่แล้วเดิม หากจะไปปรับปรุงก็ต้องไปดูวงเงินงบประมาณว่าพอเพียงหรือไม่
เมื่อถามว่าจะมีการส่งจิตแพทย์เข้าไปพูดคุยในค่ายทหารหรือไม่ เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เป็นภาพลบกับทหาร นายกฯ กล่าวว่า ตนได้สั่งไปแล้วและกรมสุขภาพจิตได้เข้าไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานไปดูแลประชาชน ดูแลผู้บาดเจ็บ และเข้าไปประเมินในค่ายทหาร รวมถึงได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาดูแลเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาให้มากขึ้น ให้สอบถามถึงครอบครัวเพราะทุกคนต่างมีภาระทั้งหมด ไม่ว่าจะหนี้สิน ความกดกัน ไม่ว่าทหารหรือพลเรือนก็มีเหมือนกัน ตนเองก็มี
แต่ถ้าเรามีเพื่อนหรือผู้บังคับบัญชาที่เอาใจใส่ เข้าไปพูดคุยก็ดี เช่นในกรณีนี้เพื่อนผู้ก่อเหตุก็ไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุ มีปัญหาอะไรมาก่อน ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดมา 2-3 วันแล้ว แต่เขาก็ไม่พูดคุยกับใครนั่นคือแรงกดดันที่เกิดขึ้น ทั้งนี้สุขภาพจิตของคนเราจะมากหรือน้อยอยู่ที่แรงกดดันและแรงส่งจากภายนอก ทั้งจากการใช้สื่อและการเสพโซเชียลที่ทำให้แรงขึ้น เราจึงต้องช่วยกันลดจะไปโทษใครไม่ได้
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ