กสทช.ชี้ 3 ช่องทีวีดิจิตอลรายงานสดเหตุกราดยิงโคราชยังไม่มีความผิดขั้นรุนแรง อยู่ในขั้นการตักเตือน เร่งทำร่างวิธีการนำเสนอข่าวในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเป็นหลักเกณฑ์กลางในการปฏิบัติงานของสื่อมวลชน
เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกสทช. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลทั้ง 15 ช่อง เพื่อกำหนดแนวทางการนำเสนอข่าวในสถานการณ์ฉุกเฉินว่า จากการรายงานข่าวของสื่อต่างๆ ระหว่างเกิดเหตุการณ์กราดยิงที่นครราชสีมา เมื่อวันที่ 8-9 ก.พ.2563 พบว่ามีทีวีดิจิตอลราว 3 ช่องรายงานสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ รวมถึงกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน
ทั้งนี้ วันที่ 18 ก.พ.2563 จะเชิญผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล 3 ช่อง ซึ่งไม่ขอบอกว่าช่องไหนได้ เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง โดยกสทช.ไม่นิ่งนอนใจ และมีบทลงโทษตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ระบุว่า ห้ามมิให้ออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาสาระที่ก่อให้เกิดการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีการกระทำซึ่งเข้าลักษณะลามกอนาจาร หรือมีผลกระทบให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง เริ่มต้นตั้งแต่การตักเตือน ถัดมาคือการคำนวณค่าปรับ การพักใช้ใบอนุญาต จนถึงการเพิกถอนใบอนุญาต
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลที่มีปัญหายังไม่มีความผิด จึงอยู่ในขั้นการตักเตือนขณะเดียวกันจะมีการจัดทำร่างวิธีการนำเสนอข่าวในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเป็นหลักเกณฑ์กลาง ในการปฏิบัติงานของสื่อมวลชน โดยอาจจะมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญ กรมสุขภาพจิต รวมถึงฝ่ายความมั่นคง เข้าแสดงความคิดเห็นต่อร่างวิธีการดังกล่าว จากนั้นจึงจะเชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย ซึ่งคาดว่า 2-3 สัปดาห์หลังจากนี้จะได้ข้อสรุป
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ