บิ๊กแดงเอาจริง! รื้อระบบกองทัพ ส่งที่ดิน ทบ. คืนคลังกว่าล้านไร่ รายได้มวย-ม้า แบ่งแผ่นดิน





เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 17 ก.พ.ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ภายหลังจากที่พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ร่วมกับ นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ ลงนามบันทึกข้อตกลง “โครงการการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจของกองทัพบก” เสร็จสิ้น

ได้มอบหมายให้ พล.อ.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ เสนาธิการทหารบก พร้อมด้วยนายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายประสงค์ กล่าวว่า ตั้งแต่ พล.อ.อภิรัชต์ ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 ได้หารือกับกรมธนารักษ์ โดยเริ่มจัดการเรื่องร้านค้าสวัสดิการ 7-11 ในกองทัพภาคที่ 1 ก่อน

และเมื่อขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.ก็ได้จัดการร้า7-11 ในกองทัพบกขึ้น สิ่งเหล่านี้จะอยู่ในระบบการเช่า โดยใช้พื้นที่เชิงธุรกิจกับกรมธนารักษ์ เมื่อได้ดำเนินการมาและเห็นว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ จึงได้คุยกันต่อว่าจะทำอย่างไรให้การทำสวัสดิการเชิงธุรกิจเกิดขึ้น เช่น โรงแรมที่สวนสนประดิพัทธ์

จากเดิมกองทัพบกเริ่มจากสวัสดิการที่ดูแลทหารที่เจ็บป่วย และกำลังพลที่ไปพักผ่อน จากนั้นก็จะมีญาติของทหาร และผู้ที่รู้จักเข้ามาพักจึงกลายเป็นเชิงธุรกิจ จึงมองว่าจะทำอย่างไรให้ถูกต้องในส่วนอื่นด้วย เช่น ปั้มน้ำมัน สนามมวย สนามกอล์ฟ ทางพล.อ.อภิรัชต์

จึงได้คุยว่าจะทำอย่างไรให้เกิดขึ้นโดยได้หารือกับอธิบดีกรมธนารักษ์คนที่แล้วประมาณเดือนพ.ย. 2561 ในขณะเดียวกันก็มาทำความเข้าใจกับคนในกองทัพ แต่ละส่วนงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจ เพราะเดิมสวัสดิการแต่ละส่วนงานของกองทัพก็ดูแลกันเอง จึงต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ที่ถูกต้อง

“ก่อนที่จะลงนามในร่างเอ็มโอยู ผบ.ทบ.ได้มีการตรวจร่างเอ็มโอยูประมาณ 1 เดือนครึ่ง วันนี้ถือเป็นวันที่ประสบความสำเร็จและลงนามร่วมกัน ซึ่งที่ดินในส่วนที่เป็นเชิงธุรกิจในการจัดสวัสดิการเชิงธุรกิจจะต้องส่งที่คืนให้กรมธนารักษ์ และกรมธนารักษ์ก็จะเข้าไปบริหารจัดการเชิงธุรกิจ ขณะที่รายได้ก็จะนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน” นายประสงค์ กล่าว

ด้านพล.อ.ธีรวัฒน์ กล่าวว่า สิ่งเหล่านั้นเป็นสวัสดิการที่กองทัพบกดำเนินการมาแล้วในอดีต เริ่มต้นจากการที่เราดูแลกำลังพล เช่น สถานพักฟื้นพักผ่อน ที่ตอนนี้มีการขยายตัวของผู้มาใช้บริการจากกำลังพลไปสู่ญาติพี่น้อง ครอบครัว ตลอดจนประชาขนทั่วไป

กองทัพบกตระหนักและทราบอยู่เสมอว่าเป็นพื้นที่ของแผ่นดิน กองทัพบกดำเนินการใดๆ ต้องเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับที่กำหนด ซึ่งการจัดสวัสดิการไม่ใช่เฉพาะกองทัพบกเท่านั้น

แต่ได้ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ. 2547 และประกาศคณะกรรมการสวัสดิการข้าราชการเรื่องหลักเกณฑ์วิธีการที่เกี่ยวกับการจัดสวัสดิการเชิงธุรกิจ พ.ศ.2548

โดยการลงนามระหว่างกองทัพบก และ กรมธนารักษ์ ว่าเราจะดำเนินการอย่างไร หลังจากนี้กองทัพบกก็จะดำเนินการยื่นโครงการต่างๆ ให้กรมธนารักษ์พิจารณาว่า ในแต่ละโครงการจะดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างไร

สิ่งหนึ่งที่ยืนยันคือไม่ว่าจะดำเนินการในลักษณะใด เช่นจะเป็นลักษณะสวัสดิการภายในหน่วย หรือสวัสดิการเชิงธุรกิจ ทางกำลังพลและครอบครัวของกองทัพบก ยังคงได้รับสิทธิที่จะได้รับค่าใช้บริการในราคาต่ำ และได้รับการลดราคา การดำเนินการในลักษณะเช่นนี้

ทั้งสถานพักฟื้นพักผ่อน สนามกอล์ฟ ไม่ได้มีเฉพาะกองทัพบกไทย แต่กองทัพบกต่างประเทศเช่นกองทัพบกสหรัฐฯ ก็มีโรงแรม และ สนามกอล์ฟ เช่นกัน โดย กองทัพบกสหรัฐฯ มีสนามกอล์ฟ 160 แห่งที่บริหารเช่นเดียวกัน

“สิ่งที่กองทัพบกทำในวันนี้คือทำให้เกิดความถูกต้อง สามารถที่จะตรวจสอบได้ โปร่งใส รายได้ภายหลังจากที่เราจ่ายกับกรมธนารักษ์แล้ว ก็นำเงินเข้ากองทุนสวัสดิการกองทัพบก โดยกองทัพบกก็มีระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในกองทัพ พ.ศ.2554 เงินเหล่านี้ก็จะมาดูแลกำลังพล เช่น ทุนการศึกษาบุตร ดูแลสวัสดิการให้กับกำลังพลชั้นผู้น้อย” เสนาธิการทหารบก กล่าว

เมื่อถามว่าสัดส่วนการแบ่งรายได้นั้น นายประสงค์ กล่าวว่า เป็นไปตามกฎหมายของกรมธนารักษ์ทุกประการ แต่ละธุรกิจมีการคิดสัดส่วนไม่เท่ากันเนื่องจากบางธุรกิจมีกำไรน้อย ส่วนแบ่งก็จะอยู่ในระดับหนึ่ง อีกทั้งต้องมองทำเล และมูลค่าที่กินเป็นส่วนประกอบ

เช่น ปั้มน้ำมันของกองทัพบกที่จำนวน 100 กว่าปั้ม ก็จะมีการประเมินมูลค่าที่ดิน ทรัพย์สิน และราคาเช่าที่ควรจะเก็บ ในส่วนของตลาดนัดภายในหน่วยทางทางกองทัพบกและกรมธนารักษ์จะลงพื้นที่เพื่อพิจารณาร่วมกันอีกครั้ง ทั้งนี้ในส่วนของปั้มน้ำมันกองทัพบก ทางกรมธนารักษ์จะแบ่งสัดส่วนกลับคืนให้กองทัพบกไม่ต่ำกว่าร้อยละ 2.5- ร้อยละ 5 ขึ้นไป และบางอย่างก็ร้อยละ 7.5

เมื่อถามว่าในส่วนของที่ดินของกองทัพบกมีจำนวนเท่าไหร่ที่จะต้องดูแล นายประสงค์ กล่าวว่า เป็นจำนวนเกือบล้านไร่ที่ต้องดูแล รวมถึงพื้นที่ที่เกษตรกรหรือประชาชนเข้ามาเช่า ทางกรมธนารักษ์ก็ต้องเข้าไปดูแล ซึ่งจะควบคุมทั้งหมดทั้งสนามมวย สนามกอล์ฟ โรงแรมที่เข้าข่ายเชิงธุรกิจ

อย่างไรก็ตามกรมธนารักษ์จะได้ประโยชน์จากค่าเช่าพื้นที่จากร้อยละของรายได้ อีกทั้งยังมีค่าธรรมเนียมขึ้นอยู่กับธุรกิจที่ต้องดูตามกฎหมาย ยืนยันว่าบางอย่างเงินไม่ได้กลับเข้ากองทัพบก แต่จะเป็นการลดราคาสินค้าให้กำลังพล เช่นหากกำลังพลเข้าไปตีกอล์ฟเราก็จะยึดหลักการเดียวกับสหรัฐฯคือราคาถูกกว่าเอกสาร

และถ้ามีเงินเหลือบางส่วนก็จะนำกลับเข้ามาเป็นสวัสดิการกลางของกองทัพบก เช่น การดูแลทุนการศึกษาบุตรกำลังพล สวัสดิการการกู้ยืมเงิน ประกันชีวิตกำลังพล โดยมีระเบียบการใช้จ่ายที่ครบถ้วนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ. 2547

“ผมยังตอบไม่ได้ว่ากิจการเชิงธุรกิจของกองทัพบกได้กำไรกี่พันล้าน เพราะต้องใช้ความพยายามและเวลาเป็นปี กว่าที่จะเดินทางถึงตรงนี้ที่จะเริ่มทำเอ็มโอยู และทำเป็นสวัสดิการเชิงธุรกิจอย่างแท้จริงโดยมีมืออาชีพเข้ามาดูแล ก็จะเกิดความเข้าใส เช่นที่สหรัฐฯมีโรงแรมของกองทัพเช่นเดียวกัน และมีเอกชนเข้ามาบริหาร ซึ่งจะต้องดูสัดส่วนค่าบริการให้อยู่ในจุดที่พอเหมาะเมื่อเทียบกับคู่แข่ง” นายประสงค์ กล่าว

เมื่อถามว่าที่ดินกองทัพบกมีการจ่ายให้กรมธนารักษ์อย่างไร นายประสงค์ กล่าวว่า ถ้าเป็นที่ดินหลวงไม่มีการจ่ายให้กรมธนารักษ์ แต่ทางกองทัพบกขอให้ช่วยว่าในที่ที่มีประชาชนบุกรุก 7 แสนไร่ หากไปขับไล่ออกมาก็จะหาว่าทหารรังแก

จึงให้กรมธนารักษ์ไปทำสัญญาเช่าครั้งละไม่เกิน 3 ปี เพื่อให้อยู่ในระบบและควบคุมไม่ให้มีการบุกรุก ทำให้มีรายได้เข้าแผ่นดินมากขึ้น และมีความโปร่งใสมากขึ้น เนื่องจากทุกอย่างขึ้นมาอยู่บนโต๊ะ สิ่งที่กองทัพบกตัดสินใจเดินมานี้ ตนขอชื่นชมที่เดินหน้าในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ก็มีเหล่าทัพอื่นเริ่มติดต่อเข้ามาเพื่อทำเรื่องสวัสดิการเชิงธุรกิจให้เป็นระบบมากขึ้นเช่นกัน และนายกรับมนตรีก็สนับสนุนเรื่องนี้

ด้าน พล.อ.ธีรวัฒน์ กล่าวอีกว่า กิจการบางอย่างเป็นเชิงธุรกิจ แต่บางอย่างก็ไม่ใช่ ซึ่งต้องเข้าใจว่าการลงนามวันนี้เป็นการแก้ไขปัญหาพื้นที่ราชพัสดุ ที่อยู่ในความครอบครองของกองทัพบก ไม่ใช่เฉพาะเรื่องสวัสดิการที่ถือเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น

กองทัพบกได้ดำเนินการกับกรมธนารักษ์ เช่นพื้นที่ถูกบุกรุก การจัดสรรที่ดินให้กับประชาชนเช่า ตามห้วงเวลาเพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่กรมธนารักษ์กำหนด ในขณะที่สโมสรกองทัพบกถือเป็นเรื่องภายใน แต่ถ้าเข้าข่ายสวัสดิการเชิงธุรกิจที่สามารถจับต้องได้เช่นเดียวกับกิจการอื่นๆของกองทัพ อาทิ โรงแรม สนามมวยก็จะเข้ากฎของกรมธนารักษ์

ทั้งนี้สวัสดิการของกองทัพบก แบ่งเป็น 2 อย่างคือสวัสดิการภายในหน่วยและสวัสดิการเชิงธุรกิจ โดยมีการกำหนดลักษณะ เช่น สถานที่ ผู้ใช้บริการ และช่วงเวลาการเปิดให้บริการ ซึ่งการพิจารณาก็คือหากมีประชาชนมีใช้บริการเกินร้อยละ 50 ก็จะเป็นสวัสดิการเชิงธุรกิจ

ทั้งนี้ก็มีบางธุรกิจที่ไม่ได้คืนรายได้ให้กับกองทัพบก เนื่องจากเป็นการจัดหาประโยชน์ในที่ราชพัสดุ ไม่ใช่สวัสดิการ เช่น ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ภายในกองทัพบก ที่ผู้ประกอบการไปเช่าพื้นที่กับกรมธนารักษ์โดยตรงเอง ขณะที่กองทัพบกจะได้รับประโยชน์คือการลดราคาสินค้าร้อยละ 5 โดยกำลังพลได้รับประโยชน์โดยตรง

“ในชั้นต้นจะมีสวัสดิการเชิงธุรกิจจำนวน 40 กว่าแห่ง โดยจะทำเรื่องเสนอไปยังอธิบดีกรมธนารักษ์เป็นผู้พิจารณาเป็นกรณีไป เช่น สถานีบริการน้ำมัน ร้านค้า ตลาดนัด กิจการสโมสร สนามมวยลุมพินี (รามอินทรา) สนามมวยกองทัพภาคที่ 2 สนามกอล์ฟกองทัพบก สนามกอล์ฟลานนา สนามกอล์ฟสวนสนฯ สนามม้า และสถานพักฟื้นพักผ่อนกองทัพบก” พล.อ.ธีรวัฒน์ กล่าว

เมื่อถามว่าในแต่ละปีมีรายได้จากกิจการทั้งหมดกี่พันล้านบาท พล.อ.ธีรวัฒน์ กล่าวว่า ไม่ถึงพันล้านบาท เพราะว่าปัจจุบันเราดำเนินการในเชิงสวัสดิการภายใน แต่หากเป็นสวัสดิการเชิงธุรกิจเราต้องไปปรับปรุงพื้นที่ อีกทั้งเราไม่ใช่มืออาชีพ ทำให้รายได้ที่ได้ในปัจจุบันไม่ได้มากมาย

ข่าวจาก ข่าวสดออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: