กรณีของพรรคอนาคตใหม่ ไม่ใช่กรณีแรกที่มี เรื่องของ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) พรรคการเมือง มาตรา 72 ห้ามพรรครับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ที่รู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เข้ามาเกี่ยวข้อง
กรณี โต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐ ก็เคยมีการร้องให้ตรวจสอบด้วยมาตรานี้ ซึ่งมีโทษถึงยุบพรรค
ในช่วงของการระดมทุนก่อนการเลือกตั้ง 19 ธ.ค. 2561 พรรคพลังประชารัฐ จัดโต๊ะจีนระดมทุน ภายใต้แนวคิด “ประเทศไทยหนึ่งเดียว” ที่อิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี โต๊ะละ 3 ล้านบาท รวม 200 โต๊ะ
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค แม่งาน ที่จะรับตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการในเวลาต่อมา ให้สัมภาษณ์ในเวลานั้นว่า สามารถระดมทุนได้เกือบ 650 ล้านบาท
ประเด็นที่ฮือฮาตอนนั้นคือการที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ไปได้เอกสารแผนผังโต๊ะที่นั่งในงาน ซึ่งมีชื่อบุคคลที่ซื้อโต๊ะคล้ายชื่อหน่วยงานราชการ คือ คลัง 20 โต๊ะ ททท 3 โต๊ะ กทม 10 โต๊ะ แต่ต่อมาผู้บริหารทุกหน่วยงานปฏิเสธ
ต่อมา 17 ม.ค. 62 พรรคพลังประชารัฐได้แจ้งรายละเอียดผู้บริจาคในงานเพียง 90 ล้านบาท จากยอดรวมที่สรุปแล้ว กว่า 622 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า กกต.กำหนดระยะเวลาระดมทุนถึงแค่ 19 ธ.ค. 61 ยอดเงินหลังจากนั้นจึงต้องเข้าบัญชีผู้บริจาคให้พรรคแทน
ในจำนวนนี้ ถ้าแยกเป็นรายบริษัทแม้จะอยู่ในเครือเดียวกัน แต่ไม่มีบริษัทใดบริจาคเกิน 10 ล้านบาท
เช่นเดียวกับที่เปิดเผยในล็อตที่ 2 อีก 60 ราย รวม 262 ล้านบาท มียอดบริจาคสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อราย
และสุดท้ายพรรคพลังประชารัฐปิดยอดที่ 352 ล้านบาท โดยระบุว่าที่เหลือไม่มีใครกล้ามาจ่าย เพราะกังวลที่สำนักข่าวอิศรา ตามติดนำข้อมูลมาเปิดเผย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น 21 ธ.ค. 61 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้นำข้อมูลเรื่องผังโต๊ะจีนของสำนักข่าวอิศรา ไปร้อง กกต. ใน 3 ประเด็น คือ มีข้าราชการหรือหน่วยงานรัฐร่วมบริจาคหรือไม่ (ม.76) มีเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น กทม. และ ททท. มาร่วมซื้อโต๊ะหรือไม่ และ นิติบุคคลบางแห่งที่บริจาคมีผลประกอบการขาดทุน ทำไมมีเงินบริจาคได้ (ม.72 – โทษถึงยุบพรรค)
8 มี.ค. 62 พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า ความผิดจากการการระดมทุนจนนำไปสู่การยุบพรรคได้นั้นจะต้องเป็นในเรื่องการระดมทุนจากต่างชาติ หรือบริษัทต่างชาติ
ส่วนเรื่องบริษัทที่ผลประกอบการน้อยกว่าเงินที่ไปซื้อโต๊ะจีน โดยบางบริษัทอ้างว่านำเงินที่ได้รับจากการเป็นคู่สัญญารัฐมาจ่ายเงินระดมทุน เลขาธิการ กกต. ตอบว่า เรื่องนี้ยังถือว่าไกลมาก กกต.ยังไม่ได้ไปคิดถึงในประเด็นนั้น แต่ถ้ามีข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้องก็สามารถเรียกมาตรวจสอบได้
12 มี.ค. 62 พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ตอบผลการพิจารณาคำร้องของนายศรีสุวรรณว่า ไม่พบบุคคลต่างชาติร่วมบริจาค ไม่มีความผิด ไม่เข้าข่ายยุบพรรค ซึ่งทำเอานายศรีสุวรรณ ออกแถลงการณ์ด้วยความงงว่า ทำไมถามอย่าง ตอบอีกอย่าง
27 พ.ค. 62 นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. ตอบสื่อว่า ยังพิจารณาคำร้องเรื่องโต๊ะจีนพลังประชารัฐ อยู่ 4 คำร้อง ซึ่งต้องใช้เวลา เพราะผู้ร้องแค่มีข้อสังสัยไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ กับ กกต.
2 ก.ค. 62 เลขาธิการ กกต. มีหนังสือลงวันที่ 26 มิ.ย. ตอบคำร้องนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ โดย 1 ในนั้นคือ เรื่องขายโต๊ะจีน 3 ล้านบาท ซึ่ง พิจารณาแล้ว “ไม่เข้าข่ายการแสวงหากำไรมาแบ่งปันกันแม้จะกำหนดราคาโต๊ะจีนสูงแต่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้เข้าร่วมกิจกรรมระดมทุน โดยกฎหมายได้จำกัดวงเงินผู้สนับสนุนเอาไว้แล้ว กรณีดังกล่าวจึงไม่ใช่เป็นการขายสินค้าในลักษณะแสวงหากำไรมาแบ่งปันกัน ยังไม่เป็นเหตุให้ยุบพรรคการเมือง”
19 ต.ค. 62 สำนักข่าวอิศราที่เกาะติดเรื่องนี้ตลอด รายงานอ้างแหล่งข่าวระดับสูงว่า กกต.ยุติสอบเรื่องโต๊ะจีนแล้ว เพราะไม่พบความผิดปกติ
ธ.ค. 62 หลังมีข่าว กกต. มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เสนอให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ตามมาตรา 72 จากการกู้เงินนายธนาธร เรื่องโต๊ะจีนกลับมาถูกพูดถึงอีกครั้ง โดยเฉพาะประเด็นบริษัทที่ขาดทุนหลายปีแต่มีเงินบริจาคโต๊ะจีน อาจจะเข้าข่ายผิด ม.72 เช่นกัน
1 ม.ค.63 สำนักข่าวอิศรา เผยแพร่บทสัมภาษณ์พิเศษ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ซึ่งตอนหนึ่งอธิบายเรื่องคดีโต๊ะจีนว่า การตรวจสอบคือเรื่องบริษัทที่จ่ายเงินเป็นต่างชาติหรือไม่ ถ้ามีก็ยุบพรรค หรือเงินต่างๆ ได้มาโดยชอบหรือไม่ ซึ่งได้มาโดยชอบในที่นี้หมายถึง ไม่ใช่เงินที่ได้มาจากยาเสพติด หรือเงินสกปรกต่าง ๆ ตามกฎหมาย
ส่วนประเด็นที่บางบริษัทขาดทุน กกต.ตรวจสอบได้แค่ว่าเงินที่ได้มาโดยชอบหรือไม่ แต่ให้ไปตรวจเส้นทางการเงินคงไม่ถึง เพราะอำนาจหน้าที่มีจำกัด เช่นเดียวกับการบริจาคให้พรรคการเมืองที่ห้ามเกิน 10 ล้านบาทต่อปี ก็ตรวจสอบตามที่รายงาน เพราะเจตนาของกฎหมายคือไม่ให้นายทุนครอบงำพรรคการเมือง
คลิกอ่าน บทสัมภาษณ์ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ฉบับเต็ม โดยสำนักข่าวอิศรา
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ