อุ่นใจหายห่วง “สิทธิบัตรทอง” คุ้มครองการรักษา COVID-19 ด้วย





หลัง บอร์ด สปสช. อนุมัติงบฯ 1,020 ล้านบาท ให้ “สิทธิบัตรทอง” คุ้มครองการรักษาโรคติดเชื้อ COVID-19 เช็กกระบวนการใช้สิทธิรักษา และตรวจหาเชื้อ

หลังที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เห็นชอบเพิ่มงบเบิกจ่ายในกองทุนหลักประกันสุขภาพ 1,020 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณเหลือจ่ายจากการต่อรองราคายา มาใช้ในการรักษาพยาบาล COVID-19 ให้ครอบคลุม การรักษาพยาบาล ตรวจหาเชื้อ และค่ายา 

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช. ระบุว่า ในจำนวนของผู้ป่วยโรค COVID-19 จำนวน 43 คน มีผู้ที่ใช้สิทธิบัตรทองเบิกจ่ายแค่รายเดียว เป็นเงิน 80,000 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็นไปตามความเป็นจริง และขึ้นอยู่กับอาการของโรค  

ขณะนี้ในสิทธิอื่น เช่น ข้าราชการ ประกันสังคม ก็มีการหารือเรื่องการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลโรค COVID-19 เช่นกัน

ด้าน นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ระบุถึงการดูแลสุขภาพของประชาชนในระบบประกันสังคม ผู้ประกันตนที่มีอาการป่วย มีไข้ ไอ เจ็บคอ อย่าละเลย ให้ไปเข้ารับการตรวจรักษา ซักประวัติในโรงพยาบาล ตามสิทธิการรักษาพยาบาล โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และหากแพทย์สงสัยว่าจะเข้าข่าย COVID-19 แพทย์จะส่งตรวจเพาะเชื้อทางห้องแล็บ โดยผู้ประกันตนไม่ต้องจ่ายค่าตรวจหรือค่ายาใดๆ และหากอาการไม่เข้าข่าย ไม่แนะนำให้ไปขอตรวจเอง

ส่วนผู้ประกันตนที่ไม่สามารถเข้ารักษาในโรงพยาบาลตามสิทธิได้ เช่น อยู่ต่างจังหวัด ต่างพื้นที่สามารถเข้ารักษาได้ในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ หรือโรงพยาบาลรัฐได้ทุกแห่ง

ขณะที่วันนี้ (3 มี.ค.263) กระทรวงสาธารณสุข จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี เห็นชอบอนุมัติบกลาง 3,500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการควบคุมรับมือ COVID-19 เป็นระยะเวลา 7 เดือน ซึ่งจะสอดคล้องกับการสิ้นสุดงบประมาณในปี 2563 เนื่องจากโรคดังกล่าวเป็นโรคอุบัติเหตุ ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ยากต่อการเบิกจ่าย โดยงบประมาณดูแลทั้งหมด เพิ่มการสนับสนุน พัฒนาศักยภาพสถานพยาบาล ทั้งเรื่องเวชภัณฑ์ และห้องแยกความดันลบ

ใช้สิทธิบัตรทอง รักษา COVID-19

หลายคนคงมีคำถามว่าจะสามารถใช้ “สิทธิบัตรทอง” ได้หรือไม่ หากมีอาการเสี่ยง และมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ของ สธ. ได้กำหนดข้อปฏิบัติ ก่อนไปใช้สิทธิตรวจรักษา COVID-19 ไว้ 

1. ตรวจอาการว่าเข้าข่ายติดเชื้อ COVID-19 หรือไม่ ดังนี้

• ไข้สูง 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป

• ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ หายใจเร็ว หายใจลำบาก

• เดินทางไปหรืออยู่อาศัยในพื้นที่ระบาด ช่วง 14 วัน ก่อนมีอาการ

• มีอาชีพที่ใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยว ที่มาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาด COVID-19

• มีประวัติใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ COVID-19

• เป็นผู้ป่วยโรคปอดอักเสบที่หาสาเหตุไม่ได้ และเป็นบุคลากรทางการแพทย์

• ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบเฉียบพลันชนิดรุนแรงที่หาสาเหตุไม่ได้

2. หากมีอาการเข้าข่ายต้องสงสัยป่วยโรค COVID-19 ตามเกณฑ์ของ กระทรวงสาธารณสุข ให้โทรหาสายด่วน กรมควบคุมโรค และ รีบไปตรวจที่โรงพยาบาลตามสิทธิ โดยอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และแจ้งข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตามความเป็นจริงโดยไม่ปกปิด (กรณีที่ไปต่างจังหวัดให้ไปที่ โรงพยาบาลของรัฐ)  

3. เมื่อแพทย์วินิจฉัยแล้วว่าเป็นผู้เสี่ยงติดเชื้อ COVID-19 จะถูกส่งตัวรักษาตามกระบวนการ ของ สธ. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

และ 4. หากไม่มีอาการเข้าข่าย ตามเกณฑ์ของ สธ. แต่สงสัยเองว่าจะป่วย ไม่แนะนำให้ไปโรงพยาบาลเพื่อขอตรวจเอง ใช้สิทธิบัตรทองไม่ได้ แม้จะจ่ายเงินเองก็ไม่ควรไป และด้วยน้ำยาที่ใช้ตรวจ โรค COVID-19 มีจำนวนจำกัด ต้องเก็บไว้ใช้เมื่อจำเป็น กับผู้ป่วยกลุ่มเฝ้าระวังเท่านั้น 

ไม่ควรไป รพ. โดยไม่จำเป็น อาจเพิ่มโอกาส รับเชื้อ และเพิ่มภาระงานให้บุคลากรทางการแพทย์

 

ข่าวจาก ThaiPBS

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: