เพราะไม่ต้องการที่จะเป็นลูกจ้างใคร
เพราะไม่ต้องการที่จะทำธุรกิจโดยผูกขาดกับใคร
งานฟรีแลนซ์จึงเป็นอีกงานหนึ่งที่ถือกำเนิดขึ้นมาด้วยอย่างน้อย 2 เหตุผลนี้ ดูเหมือนง่ายที่คน ๆ หนึ่งอยากจะได้ตังค์เมื่อไหร่ก็ได้ มีอิสระในเวลาทำงาน ไม่ต้องมียูนิฟอร์มให้ยุ่งยาก ไม่ต้องอยู่ในกฎระเบียบให้อึดอัด ไม่ต้องมีเรื่องปวดหัวกับเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเลื่อยขาเก้าอี้หรือถูกเชิญให้ออกเมื่อไหร่ ไม่ต้องทำอะไรอีกมากที่วนเวียนแต่วัฏจักรเดิมไปเรื่อยอย่างไม่รู้สิ้นสุด
ภาพประกอบจาก forbes.com
มันง่ายขนาดนั้นจริงหรือ? สบายจริงรึเปล่า?
มาดูความจริงของโลกแห่งฟรีแลนซ์กัน!
1. สร้างชื่อเสียง หาลูกค้าด้วยตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องง่าย
หลายคนมักจะคิดว่างานค้าขาย เป็นเจ้าของกิจการ แค่มีทุนก็ทำได้แล้ว แต่ความจริงมันไม่ได้จบที่ตรงนั้น ยิ่งเป็นคนที่ไม่มีคอนเนคชัน ไม่มีเส้นสายใด ๆ เลย ยิ่งต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างสาหัสมาก เช่น หาสูตรที่เป็นของตัวเอง, หาสิ่งที่ตลาดต้องการ, หาที่ที่จะปล่อยของให้ได้ในราคาโปรโมชัน (ส่วนใหญ่มักจะขายในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด หรือเสนอตัวทำให้ฟรีกับคนที่รู้จักเพื่อเป็นการโปรโมทผลงาน) ตลอดจนซื้อใจลูกค้าขาจรที่กล้า ๆ กลัว ๆ ในงานฝีมือเราให้กลายมาเป็นขาประจำให้ได้
และมันจะหนักกว่านั้นหลายเท่าสำหรับคนที่ไม่รู้ตัวเองเลยว่าตกลงแล้วรักหรือชอบอะไร? เพราะการที่จะทำงานอิสระได้นาน ๆ นั้น เรื่องใจรักเป็นเรื่องสำคัญพอกันกับฝีมือ ไม่มีใครหรอกที่อยู่กับสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเองไปได้นาน ถึงทำได้ก็ใช่ว่าจะทำได้ดี ต้องแพ้คนที่ทำได้ดีกว่าในสักวันแน่นอน
2. อิสระทางเวลาไม่มีจริง
ฟรีแลนซ์นอกจากจะขายฝีมือแล้ว ยังต้อง “ขยันมาก ๆ” ทุกวัน ทุกเวลา คือโอกาสของงานและเงิน คุณจะทำงานที่บ้านหรือหอบไปทำที่อื่นก็ตามสบายเลย แต่อย่าลืมว่ากำหนดงาน (เดดไลน์) สำคัญมาก! อย่าทำให้ลูกค้าเสียความเชื่อใจเพราะคุณไม่สามารถทำงานได้เสร็จตามที่นัดกันไว้ ลูกค้าหาย เงินก็หายตามแค่นั้นเอง
3. อิสระทางการเงินก็ยากเช่นกัน
วินัยทางการเงิน สำคัญพอกันกับวินัยในการทำงาน เพราะฟรีแลนซ์ไม่มีสวัสดิการ ไม่มีเงินเดือนที่แน่นอนคงเส้นคงวา เงินทุกบาททุกสตางค์ล้วนขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าจะเข้าหาเมื่อไหร่ (ซึ่งเราก็กำหนดหรือคาดเดาอีกไม่ได้นั่นแหละ) ถ้ามนุษย์เงินเดือนร้องโอดโอยกับการถูกหักเข้าสหกรณ์, กองทุนต่าง ๆ, ค่าที่พัก, ค่ากิน, ค่าเดินทาง มนุษย์ฟรีแลนซ์ก็ใช่ว่าจะได้เปรียบกว่าแต่อย่างใด กองทุน/หุ้น/ประกันภัย ก็ต้องไปสรรหาเอง จัดการเอง อีกทั้งบางครั้งยังต้องหักค่าอุปกรณ์การทำงานเสียอีก (ยิ่งอุปกรณ์เจ๋ง รายละเอียดของงานก็ดีขึ้น และทำเงินได้ดีขึ้นเช่นกัน) … งานฟรีแลนซ์เป็นงานที่มีต้นทุนสูงทั้งฝีมือและเม็ดเงิน
4. คุณต้องต่อสู้อีกมากกับคนที่ไม่เข้าใจ
โดยเฉพาะในสายงานศิลปะ ที่ต้องรับมือกับการตัดราคาด้วยกันในวงการเดียวกัน อีกทั้งรับมือจากทัศนคติลูกค้าที่ไม่เข้าใจในชิ้นงาน เช่น แค่ของเรียบ ๆ ทำไมต้องแพง, แค่ชิ้นเล็กขายให้ถูกกว่านี้ไม่ได้หรือ ถ้ามั่นใจพอว่าตัวเองเก่งจริง มีลูกค้าอีกหลายคนที่พร้อมจะสนับสนุน (โดยเฉพาะมีลูกค้าประจำอยู่แล้ว) ก็ไม่ต้องไปหวั่นไหวอะไรมาก
5. แต่ก็ใช่ว่าเสียงของลูกค้าจะไม่สำคัญเลย
สำคัญที่สุดของการรักษาชื่อเสียง คือความพร้อมที่จะพัฒนาฝีมือ รักษาคุณภาพของผลงานไว้เสมอ อย่าลืมว่าใช่จะมีเพียงเราคนเดียวที่ทำฟรีแลนซ์ รับฟังบ้างว่าลูกค้าต้องการอะไร ปรับปรุงจุดไหนได้บ้าง… วงการฟรีแลนซ์ไม่เหมาะกับคนหัวดื้อ น้ำเต็มแก้ว ไม่รับสิ่งใหม่ ไม่รักความก้าวหน้า หวังแต่ละได้เพียงฝ่ายเดียว!!
6. สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ
เมื่อฟรีแลนซ์เป็นอาชีพขายฝีมือเป็นหลัก แน่นอนว่ามันเป็นอาชีพที่เปลืองแรงกายและแรงใจสูงมาก ถึงจะซื้อประกันสุขภาพเอาไว้ ก็ต้องรักษาสุขภาพของตัวเองให้พร้อมเสมอ การป่วยของมนุษย์เงินเดือนยังพอจะได้เปรียบที่สามารถลาป่วยได้โดยที่รายได้ไม่หักตาม แต่สำหรับฟรีแลนซ์ ป่วยเมื่อไหร่ = เสียโอกาสงานมากกว่า 70%
7. อย่าให้สูตรใครง่าย ๆ ถ้าคนนั้นไม่ซื้อใจเรามากพอ
คติ “ยิ่งให้ ยิ่งได้” ไม่สามารถใช้ได้เต็มรูปแบบในงานธุรกิจ กว่าเราจะเก่ง กว่าเราจะมีชื่อเสียงได้ล้วนแต่ผ่านการทดสอบมาหนักหนาเอาการ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากให้สิ่งที่เราสร้างมาต้องเรรวนปั่นป่วนจากคนอื่น อย่าใจกว้างอย่างไม่มีเหตุผล อย่าถ่ายทอดวิชาให้กับคนที่ไม่รู้คุณค่าของวิชาและน้ำใจคนอื่น
8. เป็นอาชีพที่ทำได้เรื่อย ๆ แต่ตอบไม่ได้ว่าเมื่อไหร่จะรวย
ถ้าหวังว่าจะรวยเร็ว จับเงินได้เร็วกว่าเป็นมนุษย์เงินเดือน ขอให้คิดดี ๆ เพราะอาชีพนี้อยู่บนความไม่แน่นอน มันไม่เหมาะกับคนที่จะมาฉกฉวยอะไรชั่วครู่ มันไม่เหมาะกับคนที่รักสบายที่หวังว่าจะหยุดเมื่อไหร่ก็ได้ ลองสังเกตในย่านตลาดดูสิว่า มีแม่ค้าคนใดบ้างที่หยุดขาย มีช่างซ่อมรองเท้าคนใดบ้างที่แก่แล้วยังจะทำงานนี้ไปเรื่อย ๆ มีช่างซ่อมนาฬิกาคนใดบ้างที่รวยเพราะลูกแต่ก็ยังรักที่จะทำงานนี้… หวังแต่เม็ดเงินไม่มีทางมีความสุขได้เท่าอยู่เพราะใจรัก ย้ำอีกทีว่าฟรีแลนซ์เป็นอาชีพของคนที่มีใจรักเป็นตัวหล่อเลี้ยงให้มีแรงทำงาน
สุดท้ายแล้วถึงแม้ว่าอาชีพอิสระจะมีความน่าสนใจ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นอาชีพที่ดีที่สุด และใช่ว่าอาชีพอื่นจะไม่ดีเลย อย่าลดคุณค่าของตัวเองโดยนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับสิ่งอื่น และอย่าลดคุณค่าของคนอื่นโดยเทียบกับตัวเราแล้วพูดได้เต็มปากว่าเรานี่แหละดีที่สุด เราควรภูมิใจที่เราเป็นเรา ไม่ว่าจะทำอะไร อยู่ในหน้าที่ใดก็ตาม และควรให้คนอื่นเขาภูมิใจในตัวเขา โดยที่เราไม่ต้องไปก้าวก่ายทางเดินเขามาก
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ