“วิชัย”เปิดใจหลังยื่นลาออก ชี้ “100วิชัยก็แก้ปัญหาหน้ากากอนามัยไม่ได้”





เมื่อวันที่ 16 มีนาคม นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) กล่าวภายหลังอำลาข้าราชการ ว่า ได้ฝากงานและอำลาน้องๆในกรมการค้าภายใน ซึ่งบอกไปว่า กรมการค้าภายในมีภารกิจต้องรับกับงานที่หนักและยากเย็นแสนเข็นอีกหลายเรื่องโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขออกมาตรการกำลังจะเจอกับสเต็ป3 ของโควิด-19 ดังนี้ ทีมงานกรมการค้าภายในต้องหนักแน่นและเป็นฐานกำลังเข้าไปดูแล ของผู้บริโภค ซึ่งมีหน่วยงานอื่นเสริม จะปฎิสธได้เลย งานที่หนักหนาตอนนี้ การคาดหวังต่อสังคมจะสูง ที่ต้องทำให้ได้ ผมรับราชการที่กระทรวงพาณิชย์ 36 ปีในหลากหลายหน่วยงาน ซึ่งมีหลายภารกิจที่ยากมากและยากสุด คือ การใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทำอย่างไรให้ผู้ถือบัตร 14 ล้านคน มีร้านธงฟ้าได้รับซื้อสินค้า เริ่มจาก 2 พันร้านค้า จากที่ไม่เห็นด้วยไม่เข้ารวมโครงการ เพราะร้านค้าไม่เคยขายของแล้วได้เงินจากนั้นอีก 2-3 อ้อนวอนให้ 2-3 พันราย แต่จากนั้นก็มีคนมาเข้าโครงการจนไม่มีเครื่องคิดเงินให้ อีกงานหินคือต่อสู้ให้เกษตรกรเพราะปลูกข้าวโพด ผลจากนำเข้าเพิ่มจาก 4 แสนตัน เป็น 4.5 ล้านตัน ทำให้ชาวไร่ปล่อยข้าวโพดตายคาไร่ เก็บไม่คุมราคา ก็ใช้การนำเข้าแบบมีเงื่อนไขโดยนำเข้าข้าวสาลี 3 ส่วน ต้องซื้อข้างโพด 1 ส่วน อีกชิ้นที่หินคือ การประกันรายได้ 4 สินค้า ใช้เวลา 3 เดือนกว่าจบลงด้วยดี และทุกวันนี้สำเร็จเริ่องข้าว สินค้าที่ดีใจอีกส่วนคือปาล์มน้ำมัน ขึ้นถึง 8 บาทให้บ้างช่วง อีก 2 ตัว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง ที่ต้องดูแลแม้มีปัญหาเรื่องแล้ง แต่ก็ต้องดูเรื่องนำเข้าด้วย

“ งานหินที่สุดคือหน้ากากอนามัย ต่อให้ 100 วิชัยก็ไม่สามารถแก้ไขเรื่องหน้ากากอนามัยได้ เพราะติดกระดุมเม็ดแรกไม่ตรง ที่ทุกคนต้องมีหน้ากากอนามัย เป็นเรื่องผิดพลาดที่ไปใส่ความคิดนี้ เพราะทุกคนต้องมีหน้ากาก ขณะที่ผลิตได้กว่า 1.2 ล้านชิ้น/วัน ขณะที่คนไทยมี 65 ล้านคน ขายความคิดว่าทุกคนต้องมี ผมบอกได้เลยว่า ไม่สามารถใช้หน้ากาก 1 ชิ้นกับสัดส่วนคน 55 ล้านคนใช้ได้ครบในเดียวกันพร้อมกัน ยอดผลิต 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน กับคน 55 ล้านคน นั่นคือสัดส่วน 1 ชิ้นต่อ 55 คน เมื่อรับมาดูแลช่วงแรกก็บริหารแบบถอยที่ถอยอาศัย จัดสรรเพื่อการแพทย์ก่อนประมาณ 7 แสนชิ้นต่อวัน ที่เหลือ 5 แสนชิ้นกระจายไปกับช่องทางต่างๆ ทุกคนจะได้หมดเป็นไปไม่ได้เลย เหมือนไม้ตะเกียบชิ้นเดียวงัดไม่ซุงก้อนเบ้อเริ่ม พูดไม่ได้เป็นภารกิจที่ได้รับมอบหมาย จับภูเขายัดครก ที่ว่าเข็นครกขึ้นเขาว่ายากแล้ว กำลังจับภูเขายัดครกจะยากแค่ไหน ก็ทุ่มเททุกวิธีการ ต้องบริหารจัดการด้านการตลาดทั้ง 11 โรง ต้องทำตั้งแต่ผู้จัดการผลิต ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ และดูแลคนส่งจากโรงงานไปประชาชน ทั้งๆที่ใม่มีเครื่องมือ ซึ่งผ่านมากระจายไปแล้ว 15 ล้านชิ้น ตั้งแต่ 4 กุมภาพันธ์”

นายวิชัย กล่าวว่า ในเรื่อง ติดใจประเด็น 200 ล้านชิ้นอยู่ไหน ผมอธิบายมาตลอด ซึ่ง 200 ล้านชิ้นไม่ได้หมายถึงสต๊อกหน้ากาก แต่คือวัตถุดิบ ณ วันนั้นคาดว่าจะผลิตได้ 50 ล้านชิ้นต่อเดือน คาดการว่าจะผลิตได้ 4 เดือน ไม่ได้หมายว่าผลิตได้ 200 ล้านชิ้น ผมไปตรวจสต๊อกทุกโรงงาน ล่าสุดเจอ 20 ล้านชิ้น หลังจากคุมแล้ว ไม่รวมผลิตเพิ่มวันละ 1.2 ล้านชิ้น ส่วนกรณีอนุญาตส่งออก ผมรักคนไทยไม่น้อยว่าผู้บริหารประเทศไทยทุกวันนี้ และตัวผมไม่เคยแย่งหน้ากากอนามัยใครใช้ การอนุญาตส่งออกไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย เพราะเป็นการผลิตที่ได้รับสิทธิการพิเศษด้านภาษีเพื่อลงทุนส่งออก และเป็นสินค้าที่มีลิขสิทธิ์ และไม่เกิดช่องให้ผลิตแล้วขายในประเทศ หากจะผลิตและขายในประเทศได้ต้องกลับไปเป็นผู้ผลิตธรรมดา ต้องเข้าระบบเสียภาษีและเสียภาษีนำเข้าวัตถุดิบเหมือนโรงงานที่ไม่ได้รับสิทธิ ซึ่งวัตตุดิบที่เขาใช้ผลิตแล้วขายในประเทศก็ไม่ได้ ส่งออกก็ไม่ให้ แล้วเราได้อะไรเมื่อเก็บไว้ใช้ประโยชน์ไม่ได้ เขาเดือดร้อน ค้าในประเทศไม่ได้ ต่อไปจะช่วยมาลงทุนแล้วใครจะกล้า ซึ่งมีกรรมการ 4-5 คนพิจารณากลั่นกรองจากหน่วยงานในและนอก ปฎิเสธส่งออกไม่ได้ สินค้าที่เข้ามา มีการสั่งจ้างทำมีเครื่องหมายการค้าและสั่งมีเครื่องหมายการค้า มีการสงวนลิขสิทธิ์ส่งออกไปทุกชน ถ้าขายในไทยจะผิดกฎหมายลิขสิททธิ์ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ดูแลกฎหมาย และกระทรวงเป็นผู้คุมกฎหมาย ถือเป็นความผิดร้ายแรง อีกทั้งมีชุดกรรมการพิจารณา ถ้าไม่อนุญาตวันนี้ผมต้องรับผิด เกินอำนาจผม ที่ไปสกัดสินค้าได้รับการสนับสนุนส่งออกและมีลิขสิทธิ์แบรนด์ มีการขอมา 53 ล้านชิ้น อนุญาต 12 ล้านชิ้น และทยอยอีก3-4 ล้านิช้น ผมเปิดเผยและโปร่งใส่ ส่วนเรื่องฟ้องผมไม่ยอมเพราะเอาข้อมูลก่อนที่ได้เข้าดูแลตั้งแต่ธันวาคม-มกราคม ไม่ทราบว่าเป็นมาอย่างไร เมื่อได้รับแจ้งก็ส่งไปตรวจเจอ 1 หมื่นชิ้นก็รีบดำเนินการเอาผิดไม่แจ้งสต๊อก ซี่งปัญหาที่น้อยใจมากที่สุดคือประชาชนเชื่อข่าวเท็จมากกว่าข่าวจริงไปแล้ว

นายวิชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ใช้ทุกพลังที่เป็นข้าราชการมา 36 ปี เอามาใช้ครบถ้วน การพิจารณาต้องคำนึงถึงกลุ่มที่มีความเสี่ยงหรือบุคลากรทางการแพทย์ ใช้หน้ากากอนามัยก่อน และ หลังจากห้ามส่งออก ทุกชิ้นไม่เกิน 2.50 บาท เมื่อพบว่าละเมิดเป็นกว่า 100 คดี กรมเคยเอามาตรการ 29 ตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการมาใช้ ซึ่งใช้แล้วกับเวลา 30-40 รายแล้ว มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จับคนขายเกินราคาเกิน 20 ราย โทษจำคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท ตั้งแต่ตั้งกรมมายังไม่เคยใข้กฎหมายเข้มข้นเท่าครั้งนี้ และใช้จริงจัง สิ่งที่ตามมา คุมราคาและสกัดส่งออก ทุกโรงผลิตหน้ากากมากที่สุด ทำให้ปรับสายการผลิต จากเดิมผลิตได้ 1.2 ล้านชิ้น ก็ขยับต่อเนื่อง จนในวันที่ 18 มีนาคมนี้ จะได้เห็นหน้ากากผลิตได้ 2 ล้านชิ้นต่อวัน มีโอกาสเห็น 2.2 ล้านชิ้นต่อวันในเร็วๆนี้ ซึ่งในจำนวนนี้เข้าทางการแพทย์ 1.1 ล้านชิ้น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าเพียงพอ

“ ในวาระตั้งหลักสเต็ป 3 โควิด 19 หน้ากากอนามัน ยังเป็นปัจจัยจำเป็น และผลิตได้ 2.2 ล้านชิ้นต่อวันแล้ว จากนี้ต้องทำอย่างไรให้มีวัตถุดิบเพียงพอ ซึ่งได้ขอประเทศจีนแล้ว ขอความช่วยเหลือด้านวัตถุดิบ ขอซื้อหน้ากากแพทย์ หน้ากากอนามัย หน้ากากอนามัยเอ็น95 เสื้อกาวที่แพทย์ใส่ คุยได้ผลจะบรรเทาได้ระดับหนึ่ง แต่หลังจากบริษัทจัดการหน้าอนามัยเข้าที่และเบาบางลง แล้วหันมาใช้หน้ากากผ้ามากขึ้น ความเครียดการแพทย์หาหน้ากากอนามัยลดลง จัดได้ 1.1 ล้านชิ้นต่อวัน ปัญหาหน้ากากอนามัยก็จะเบาลง สิ่งที่ต้องตั้งรับคือเจลล้างมือ เดิมติดระเบียบใช้เอธานอล(ผลิตจากอ้อย-มันสำปะหลัง) ตอนนี้สรรพสมิตผ่อนคลายให้เอาเอธานอลมาเป็นเจลได้ จากเดิมผลิตในน้ำมันเชื้อเพลิง ตอนนี้ผ่อนผันมาทำเจลได้ แต่ต้องไปแปรสภาพไม่ให้มาทำเหล้าได้ การแปรสภาพ ซึ่งรองนายกฯจุรินทร์ เสนอใช้ไขมันจากปาล์มผสม ถ้าสำเร็จทำให้ผลิตเจลง่ายขึ้น ตอนนี้ปัญหาคือหัวปั๊มไม่เพียงพอ ก็ปรับมาเป็นหลอดมากขึ้น “

นายวิชัย กล่าวว่า ชั้นวางของขาดสินค้าที่มีการจุดกระแสนั้นเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง ปลุกกระแสจนติดจนต้องมีการตุนสินค้า มันจะรุนแรงกว่าหน้ากากและเจล ซึ่งกรมการค้าภายใน เป็นห่วง และเป็นภาระที่กรมต้องเข้าไปดูแล ไม่พ้นแน่ ก็ได้ฝากข้าราชการแล้ว ให้ตั้งหลักให้ดี ภารกิจนี้อย่างไรต่องปรับผิดชอบ รองนายกฯจุรินทร์ เรียกมาคุยแล้ว ณ วันนี้ กำลังการผลิต70 % ก็ให้โรงงานผลิตเพิ่มผลิต 100%

“กระแสต้องกักตุนจุดติดจะเกิดปัญหา ต้องรีบเตรียมพร้อม ปัญหาตอนนี้ที่ผู้บริหารกรมการค้าภายในและอธิบดีกรมการค้าภายในคนใหม่ต้องเผชิญคือกระแสการกักตุนอาหารหากมีการจุดกระแสดังกล่าวติดและประชาชนซื้อกักตุนอย่างจริงจังเชื่อว่าจะเกิดความเดือดร้อนมากกว่าหน้ากากอนามัยขาดแคลน ดังนั้นกรมการค้าภายในได้ขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคเพิ่มกำลังการผลิตให้ถึง 100% จากปัจจุบันที่ใช้กำลังการผลิตเพียง 70% เท่านั้น ”

นายวิชัย ตอบข้อสักถามว่าจากนี้จะทำอย่างไร นั้นว่า ผมเรียนปลัดกระทรวงพาณิชย์ว่าจะใช้เวลาที่เหลือ 6 เดือนที่เหลือในระบบราชการ พักผ่อน จากนี้ขอพักผ่อน เพราะที่ผ่านมา และได้ยื่นเริ่องขอใช้สิทธิพักร้อน30 วันและทำงานวันสุดท้าย 23 เมษายนนี้ เรื่องที่ถูกย้ายนั้น เป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมสังคมรับรู้เอง ส่วนใครมาแทนคิดว่ามีคนที่เห็นว่าเหมาะสมกว่าผมแล้ว และไม่คิดว่าจะฟ้องร้องอะไร ผมไม่ใช้ลูกฟุตบอลให้ใครแตะไปมา ยืนยันว่าโล่งใจและอยากพักผ่อนเต็มที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน จะเป็นผู้รักษาการแทน

ข่าวจาก มติชนออนไลน์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ๆ
- ไม่สามารถ copy ข้อความจากที่อื่น แล้วนำมา paste ในช่องแสดงความคิดเห็น
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ
error: