ท่ามกลางกระแส slowlife หลายคนปรารถนาจะเป็นนายของตัวเองมากกว่าเป็นมนุษย์เงินเดือน หลายคนอยากเป็นฟรีแลนซ์ (อาชีพอิสระ) เพราะมันดูเจ๋งดี ทำงานปุ๊บได้เงินปั๊บ มีอิสระทางเวลาและการเงิน แม้แต่หนังสือขายดีก็ยังเชียร์ให้คนลาออกมาเป็นนายของตัวเองกันทั้งนั้น
หลายคนเริ่มรู้สึกลังเล เอ๊ะ! หรือฉันจะเหมาะกับอาชีพอิสระมากกว่า ?
การเป็นมนุษย์เงินเดือนมาแย่ขนาดนั้นเลยหรือ ?
แล้วฉันต้องมีอะไรบ้างถึงจะลาออกมาเป็นตัวของตัวเองได้ ?
ฯลฯ อีกหลายความคิดที่นับวันยิ่งดูเหมือนว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนมันเลวร้ายปานนั้น
ภาพประกอบจาก pixabay.com
บางทีแล้วมันก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนกับอาชีพอิสระแบบไหนดีกว่ากัน หรือดีที่สุด แต่สิ่งที่เราควรจะคิดก็คือ “เราควรเป็นในแบบเรา แบบไหนก็ได้ ขอให้มีความสุขที่สุด”
และบางทีแล้ว หากว่าคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนแล้วรู้สึกว่าไม่มีความสุข สาเหตุน่าจะมาจาก “ความคิด” หรือทัศนคติของคุณซะมากกว่า
1. เบื่อเพื่อนร่วมงานและเจ้านาย
ถ้าเราเลือกเกิดไม่ได้ สำหรับเรื่องงานก็คงเป็นทำนองเดียวกัน เราต่างสมัครงานกันมาโดยเลือกบริษัท เลือกองค์กร เลือกตำแหน่งงาน แต่ไม่สามารถเลือกเพื่อนร่วมงานและเจ้านายได้ เพราะฉะนั้น ถ้าจะไปเปลี่ยนแปลงนิสัยพวกเขาก็ดูจะเป็นเรื่องที่เกินตัวไปหน่อย ทางที่ดีเราควรวางใจเป็นกลาง เฉย ๆ ไปซะ ใครจะนินทาว่ากล่าวอย่างไร ถ้าเราไม่ใช่อย่างที่เขาบอกก็ปล่อยเขาไป โฟกัสที่หน้าที่การทำงานและเงินเดือนที่จะได้รับยังพอจะได้กำลังใจกว่าเยอะ
2. เบื่องาน ขี้เกียจทำงาน
เป็นเรื่องน่าเบื่อแน่นอนหากคุณต้องทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม มัวแต่นั่งรอว่าเมื่อไหร่จะพักเที่ยง เมื่อไหร่จะเลิกงาน เมื่อไรเงินเดือนจะออก ลองเปลี่ยนให้ตัวเองเป็นคนขยัน เห็นความสำคัญของงานดูสิ แล้วคุณจะรู้เลยว่าคุณค่าของตัวเราเองก็ไม่ได้ไปไหนไกลเลยนอกจากความท้าทายในการสร้างผลงานแต่ละวัน
… ค่าของคนคือผลของงาน ไม่ใช่การอยู่แบบซังกะตายรอเงินเดือนไปวัน ๆ อย่างไร้จุดหมาย
3. ขี้บ่น ขี้โวยวาย ขี้แย
ความอ่อนไหวเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์เรา แต่ถ้ามีมากไปในแบบที่ว่าอดทนสักนิดไม่ได้เลย อะไรกระทบนิดเดียวขอให้ได้บ่น โวยวาย ร้องไห้บ้าง มันก็เหนื่อยเกินไปหน่อยทั้งตัวเราและคนรอบข้าง เพราะสิ่งที่เรากระทำออกมามีแต่พลังงานด้านลบทั้งนั้น ในเมื่อเราควบคุมคนอื่นให้ได้ดั่งใจไม่ได้ เราก็ควรควบคุมที่ตัวเราเอง ใจร่ม ๆ เข้าไว้ โฟกัสที่งานเป็นสำคัญ อะไรที่พอจะยิ้มได้ หัวเราะได้ ทำไปเถอะ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการยิ้มให้ตัวเองในกระจกก็ตาม
4. ละเลยความปลอดภัย
อุปกรณ์ในที่ทำงานที่เกี่ยวกับระบบเซฟตี้ ไม่ควรทำเป็นเรื่องเล่นหรือเพิกเฉย เพราะนี่คือสิ่งที่จะคุ้มครองชีวิตไม่ให้บาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตขณะปฏิบัติงาน รักตัวกลัวตายบ้าง อย่าอวดเก่งไป
5. ละเลยสุขภาพ
ความขยันเป็นเรื่องดี แต่ไม่จำเป็นแต่อย่างใดที่จะต้องถึงกับอุทิศตัวให้กับองค์กรจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ไม่มีเวลาพักผ่อนบ้าง ต่อให้คุณมีประกันสุขภาพหรือบริษัทจะหล่อเลี้ยงคุณด้วยสวัสดิภาพที่ดีแค่ไหน อย่าลืมว่าสุดท้ายแล้วในวันที่คุณป่วยหนักหรือเสียชีวิต บริษัทก็ต้องหาคนมาแทนที่คุณจนได้อยู่ดีเพื่อให้บริษัทยังคงอยู่ต่อไป ที่สำคัญคือคนที่อยู่ข้างหลังคุณ ครอบครัวคุณ คนรักคุณ เขาได้อะไรจากสิ่งที่คุณทุ่มเทเกินตัวขนาดนั้นบ้างล่ะ ?
6. โยนความรับผิดชอบให้องค์กร
ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วหากเกิดปัญหาบางอย่างขึ้น องค์กรก็ต้องเข้ามาจัดการอยู่ดี ก็ใช่ว่าคุณที่เป็นเพียงฟันเฟืองเล็ก ๆ ของการทำงานจะไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ เลย ถ้าไม่มองในเรื่องของงาน ก็ควรมองในเรื่องของคุณค่าของตัวคุณเสียบ้าง อยากให้คนอื่นเขามองคุณว่าเป็นคนแบบไหน ก็ขึ้นกับสปิริตที่คุณเลือกจะแสดงออกนั่นแหละ
7. เกลียดการเข้าสังคมในที่ทำงาน
ถึงแม้จะไม่ชอบหน้าหลายคนในที่ทำงานเพียงใด แต่ก็ควรมีการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ บ้าง เช่น กีฬาสีภายใน, การสัมมนาอบรม, งานสังสรรค์ตามวาระต่าง ๆ เพื่อสังเกตคน อ่านคน อัพเดทตัวเองอยู่ตลอดเวลาไม่ให้เป็นมนุษย์ถ้ำที่ปรับตัวกับใครไม่ได้ อย่างน้อย ถ้าคุณออกจากองค์กรนี้ไป คุณก็พอจะได้ทักษะสังคมติดตัวไปด้วย
8. เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
ไม่ว่าจะเปรียบกับเพื่อนร่วมงาน หรือเพื่อนที่อยู่ในสายอาชีพอื่นนอกที่ทำงาน หากเป็นไปเพื่อพัฒนาตนเองและสร้างกำลังใจให้ตนเองก็ทำไปเถิด แต่ถ้าจะเปรียบเทียบด้วยความอิจฉา, กดดันตัวเองให้รู้สึกด้อย, หรือทำให้ตัวเองเหนือกว่าด้วยการกดคนอื่นให้ต่ำกว่า อย่าทำเด็ดขาด! ไม่มีใครได้ประโยชน์อะไรเลยจากการอิจฉาริษยาและสร้างศัตรูไว้ในใจ
9. หัวอ่อน คนอื่นว่ายังไงก็ว่าตาม
การปรับตัวเข้าหาคนอื่นเป็นเรื่องดี แต่ควรเป็นสิ่งที่ผ่านการคิดด้วยตัวเองมาแล้วมากกว่าเพราะโดนคนอื่นหว่านล้อมชักจูง รักษาจุดยืนของตัวเองไว้ให้ดี ไม่อย่างนั้นคุณจะถูกหลอกได้ง่าย เพราะใครว่าอะไรก็ดันไปเชื่อเขาซะหมด ฟังหูไว้หูพอเป็นพิธีจะดีกว่า
10. ติดกับดักการเงิน
สุดท้ายแล้ว การทำงานและเงินเดือนแต่ละเดือนจะไม่มีประโยชน์ ไม่สร้างความสุขที่ยั่งยืนได้เลย หากยังคิดเพียงว่า “เดี๋ยวก็ได้เงินเดือนแล้ว จ่าย ๆ ไปเหอะ” ถึงแม้ว่าในจุดนี้จะได้เปรียบอาชีพอิสระที่มีรายได้แน่นอนกว่า มีสวัสดิการที่ดีกว่า แต่ก็ควรมองหาช่องทางเก็บเงินและการต่อยอดเงินไว้บ้าง อย่าใช้ไปกับสิ่งบันเทิงเริงรมย์และความเป็นอยู่ไปวัน ๆ แต่ให้คิดเผื่อถึงอนาคตด้วย ชีวิตคนเราล้วนแต่มีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น ไม่มีใครรู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต คุณอาจจะเกิดอุบัติเหตุหรือเสียชีวิตกะทันหัน ล้วนแต่มีทางเป็นไปได้ทั้งนั้น ไม่ควรประมาทในจุดนี้
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ