เมื่อ 13.25 น.วันที่ 15 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ว่า วันนี้เป็นที่น่ายินดีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ทยอยลดลงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวชี้วัดให้รัฐบาลโดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. จะพิจารณาด้วยหลักเกณฑ์และหลักการทางด้านสาธารณสุขอีกครั้งว่าเราจะสามารถผ่อนปรนอะไรได้บ้างหรือไม่ แต่ในช่วงนี้ต้องขอเวลาอีกสักระยะหนึ่งก่อน
เพราะต้องระมัดระวังยังมีความเสี่ยงสูงในการมาชุมนุมหรือรวมตัวกัน ดังนั้นเรื่องการผ่อนปรนอะไรต่างๆ ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเตรียมการไว้แล้วว่า ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นจริงจะลดได้อย่างไร หรือถ้าไม่ดีขึ้นจะเพิ่มความเข้มงวดได้อย่างไร ซึ่งตนก็ไม่อยากให้ไปสู่ตรงนั้น จึงจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากภาคประชาชนทุกคนทุกภาคส่วน
“ผมทราบดีว่าทุกคนเดือดร้อน ท่านยิ่งร้อนใจผมยิ่งร้อนใจกว่า เพราะผมเป็นรัฐบาลที่ต้องดูแลท่าน ขอให้เข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยเราจะประเมินอีกครั้ง ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน เม.ย. ระหว่างนี้ก็กำลังหามาตรการที่เหมาะสมอยู่ หาหนทางที่ดีที่สุดและถ้าหากมีการผ่อนปรนเหล่านี้ ก็ต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปไม่ใช่ทีเดียวทั้งหมดมันก็คือปัญหา
เพราะบางพื้นที่ก็มีการแพร่ระบาดอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะพื้นที่ที่ทุกคนทราบดีอยู่แล้วคือภาคกลาง กรุงเทพฯ ปริมณฑลและภาคใต้ จึงต้องมีมาตรการป้องกันไม่ให้กลับมาระบาดใหม่ในทุกมิติ ทุกกิจการต้องเตรียมความพร้อมของท่านไว้ด้วย ต้องแสดงให้เห็นว่ามีความพร้อมอย่างไรเมื่อจะเปิด และถ้าเปิดจะมีมาตรการดูแลอย่างไร ไม่ว่าเรื่องของการใช้แอลกอฮอล์ การตรวจเข้าออก และปริมาณคนที่เข้ามาในพื้นที่ในหลายๆกิจการด้วยกัน”นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับวันที่ 30 เม.ย.ที่จะครบวันประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมีการต่ออายุหรือขยายมาตรการเคอร์ฟิวต่อหรือไม่นั้น เรื่องนี้จะอยู่ในการประเมินของ ศบค. ที่จะต้องไปคิดวิเคราะห์และชั่งน้ำหนักในหลายๆด้าน แม้สถานการณ์แนวโน้มในขณะนี้จะลดลงบ้างในบางจังหวะและบางช่วง ซึ่งอาจหมายความว่าเราป้องกันการแพร่ระบาดได้ดี
แต่หากเราขาดความร่วมมือแล้วหย่อนวินัยและหย่อนความเข้มงวดลงไป โรคระบาดก็จะกลับมาโจมตีเราได้อีก อย่างที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ดังนั้นตนทราบดีว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีผลกระทบและความเดือดร้อน ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องหามาตรการอื่นๆ มาทดแทน ดังนั้นต้องขอให้ทุกคนเข้าใจตรงนี้ด้วย
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ