เมื่อวันที่ 27 เม.ย.รายงานข่าวจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แจ้งว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาและไปจัดทำข้อกำหนดว่าจะมีการผ่อนปรนในเรื่องใดบ้าง
โดยเริ่มจากกิจการสีขาวรือมีความเสี่ยงน้อยไปก่อน เมื่อได้ความชัดเจนจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 28 เม.ย.นี้ จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะลงนามประกาศต่อไป โดยคาดว่าจะเริ่มได้ในสัปดาห์แรกของเดือนพ.ค.หรือตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.นี้เป็นต้นไป
เช่น ร้านอาหารขนาดเล็กที่ไม่ติดแอร์ ตลาดสด ตลาดนัด ร้านตัดผม และห้างสรรพสินค้า ซึ่งจะมีรูปแบบกำหนดให้ว่าหากเปิดกิจการแล้วจะต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง โดยมาตรการผ่อนปรนที่จะออกมาจะใช้ทั่วประเทศ แบ่งตามประเภทกิจการ เพื่อเป็นการทยอยปลดล็อกไปทีละขั้น เมื่อผ่อนปรนแล้วจะมีการประเมินผลทุก 14 วัน
ขณะที่สถานบันเทิงจะพิจารณา หลังจากผ่อนปรนกลุ่มประเภทกิจการที่เสี่ยงน้อยไปแล้ว โดยจะทยอยเปิดกลุ่มเสี่ยงน้อยที่สุด เสี่ยงปานกลาง ไปจนถึงกลุ่มที่เสี่ยงมาก ไปตามลำดับไป โดยกระทรวงสาธารณสุขจะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
ที่จะดูแลทั่วประเทศ หากจังหวัดไหนผ่อนปรนแล้ว และประเมินผลไม่ผ่านก็จะกลับมาเข้มอีก ด้านมาตรการเคอร์ฟิว ในแต่ละพื้นที่ให้ยึดตามประกาศพระราชกำหนดฉุกเฉินคือเวลา 22.00 น.-04.00 น.ทั่วประเทศ
รายงานข่าวกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขยังเป็นห่วงผลกระทบจากมาตรการค้นหาเชิงรุก ที่ยังมีพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่ต่างๆ เช่น ศูนย์กักกันแรงงานที่ จ.สงขลา จึงมีการสนับสนุนให้ค้นหาเชิงรุกต่อ โดยเพิ่มกลุ่มของโรงงานอุตสาหกรรมเข้าไป เพราะเมื่อมีการผ่อนปรนให้กลับไปทำงานก็อาจจะมีความเสี่ยงจากการรวมกลุ่มกันเกิดขึ้นอีก
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ได้เน้นย้ำเรื่อง สาธารณสุขนำเศรษฐกิจ โดยให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดต่ำลงอย่างนี้ โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัย
พร้อมกำชับให้กระทรวงมหาดไทยเข้าไปช่วยดูเรื่องการจัดระเบียบการแจกสิ่งของต่างๆ ให้เป็นไปตามมาตรการ ให้มีการเว้นระยะห่างเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการติดเชื้อ แต่ก็เข้าใจถึงปัญหาเรื่องเศรษฐกิจขณะนี้ จึงผ่อนปรนมาตรการลง
ในขณะนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อรักษาตัวอยู่ไม่ถึง 300 คน จากจำนวน 2,000 กว่าคน ในเวลานี้จำนวนผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้รักษาหายใกล้เคียงกัน ระบบสาธารณสุขสามารถรองรับได้แต่ต้องไม่ให้มีการติดเชื้อเพิ่ม
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับมาตรการเคอร์ฟิว ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ชี้แจงผลการดำเนินงานและการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่พบว่า 70% ขึ้นไป เห็นด้วยให้คง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเคอร์ฟิว โดยเห็นชอบให้ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 30 วัน
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ