เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะโฆษก ศธ.เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด เรื่องซักซ้อมความเข้าใจแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 ส่งไปยังหน่วยงานที่มีสถานศึกษาในสังกัด ศธ.ทั้งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เพื่อให้ถือปฏิบัติ และแจ้งไปยังสถานศึกษาให้ยกเลิกการบังคับใช้ระเบียบสถานศึกษาเดิม เกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2518
นายประเสริฐกล่าวต่อว่า โดยต้องดำเนินการจัดทำระเบียบทรงผมนักเรียนขึ้นใหม่ ตามข้อ 7 ของระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 โดยยึดหลักความเหมาะสม ในการพัฒนาบุคลิกภาพที่ดี การมีส่วนร่วมของนักเรียน สถานศึกษา ผู้ปกครอง และชุมชนท้องถิ่น พร้อมต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา หรือคณะกรรมการบริหารโรงเรียนแล้วแต่กรณีก่อนประกาศใช้
“สาเหตุที่นักเรียนออกมาเรียกร้องในตอนนี้ เพราะโรงเรียนยังยึดระเบียบทรงผมเดิม ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2518 ทำให้นักเรียนเกิดความไม่พอใจ เพราะระเบียบใหม่ ประกาศใช้มาตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2563 ขณะที่ข้อ 7 กำหนดให้สถานศึกษา โดยความเห็นชอบคณะกรรมการสถานศึกษา หรือคณะกรรมการบริหารโรงเรียน วางระเบียบเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียน ที่มีความเฉพาะเจาะจงได้เท่าที่ไม่ขัดแย้งกับระเบียบนี้ แต่โรงเรียนไม่ทำ โดยยังปฏิบัติตามระเบียบเดิม” นายประเสริฐกล่าว
นายประเสริฐกล่าวอีกว่า ดังนั้น ขอให้ทุกโรงเรียนปฏิบัติตามระเบียบใหม่ โดยสอบถามความคิดเห็นของนักเรียน และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อออกเป็นมติร่วมกัน ส่วนการลงโทษนักเรียนที่ไว้ผมยาวโดยการตัดผมเด็กนั้น ตามระเบียบการลงโทษนักเรียน สามารถทำได้ใน 4 ข้อ คือ ตักเตือน ทำทัณฑ์บน ตัดคะแนน และให้ทำกิจกรรมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การที่โรงเรียนลงโทษนักเรียนโดยการตัดผม ถือว่าไม่ปฏิบัติตามระเบียบ แต่ถ้าการลงโทษในลักษณะนี้ เป็นข้อตกลงร่วมกันของประชาคมในโรงเรียน ก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ