จากกรณี เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมา “ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19 (ศบค.)” ออกมาเปิดเผยว่ามีทหารชาวอียิปต์ วัย 43 ปี ติดเชื้อโควิด-19 หลังเดินทางเข้าไทย พักที่จ.ระยอง ไม่กักตัวตามมาตรการ พักในโรงแรมในพื้นที่ จ.ระยอง ออกเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้า จน จ.ระยอง ต้องออกมาตรการดด่วนเพื่อควบคุมโรค
อีกรายเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ครอบครัวคณะทูตฯเดินทางจากประเทศซูดาน ติดเชื้อโควิด-19 แม้เด็กหญิงจะกักตัว รักษาอยู่ในโรงพยาบาล แต่ครอบครัวที่ใกล้ชิด กลับเข้าพักในคอนโดมิเนียม ย่านสุขุมวิท โดยไม่กักตัวในสถานที่กักกันตามมาตรการข้อตกลงของคณะทูตฯ
ประเด็นเรื่องการกักตัวของกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่เดินทางจากต่างประเทศ ทั้งมาตรการ และสถานที่กักกัน หรือ Quarantineถูกสังคมตั้งคำถามอีกครั้ง!
วันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด – 19 เรื่อง หลักเกณฑ์แนวทางการกำหนดสถานที่กักกันที่รัฐกำหนด พ.ศ. 2563 พร้อมรายละเอียดแนบท้ายกำหนดหลักเกณฑ์ รายละเอียด ((คลิกอ่าน))
ระบุ “สถานกันกัน” 3 ประเภท
1. สถานกักกันโรคแห่งรัฐ State Quarantine หมายถึง การกักกันผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร โดยใช้สถานประกอบการธุรกิจโรงแรม หรือสถานที่ที่รัฐกำหนดให้เป็นสถานที่กักกัน เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด – 19 เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน ตามหลักเกณฑ์แนวทางที่รัฐกำหนด
2.สถานกักกันโรคท้องที่ Local Quarantine หมายถึง การกักกันผู้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ปกครองระดับจังหวัดโดยใช้สถานที่ที่รัฐกำหนดให้เป็นสถานที่กักกัน เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด- 19เป็นระยะเวลา ไม่น้อยกว่า 14 วัน ตามหลักเกณฑ์แนวทางที่รัฐกำหนด
และ 3.สถานกักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก Alternative State Quarantine หมายถึงการกักกันผู้เดินทางทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้ามาในราชอาณาจักร โดยใช้สถานประกอบการธุรกิจโรงแรม หรือสถานที่ที่รัฐกำหนดให้เป็นสถานที่กักกัน เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคโควิด – 19 เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน ตามหลักเกณฑ์แนวทาง ที่รัฐกำหนดโดยยินยอมชำระค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดระหว่างกักกันตนโดยสมัครใจ
กลุ่มเป้าหมายของ สถานกักกันประเภทนี้ คือผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติและไม่มีอาการที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคโควิด – 19 (Patient Under Investigation)
ทั้ง กำหนดหลักเกณฑ์การกักกันต้องเป็นตามประกาศนี้ประกาศนี้มีผลทันที โดยประกาศ ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 63
ขณะเดียวกัน ราชกิจจาเผยแพร่ประกาศศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด – 19 เรื่อง หลักเกณฑ์แนวทางการกำหนดสถานที่กักกันที่รัฐกำหนด พ.ศ. 2563 ฉบับที่ 2 พร้อมรายละเอียดแนบท้าย ((คลิกอ่าน))
ระบุถึงสถานกักกันอีก 2 ประเภท คือ
1.สถานกักกันในโรงพยาบาล (Hospital Quarantine) หมายความว่า การกักกันตัวผู้ป่วยชาวไทย ที่เดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาล ในสถานพยาบาลภาครัฐและเอกชนที่กำหนด ซึ่งได้มีการนัดหมายไว้ล่วงหน้า โดยใช้สถานพยาบาล ที่รัฐกำหนดให้เป็นสถานที่กักกัน เฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อโควิด – 19 (COVID – 19) พร้อมกับการรักษาพยาบาลตามกลุ่มโรค/ อาการ/ หัตถการที่นัดหมาย เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน ตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่รัฐกำหนด โดยค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเฉพาะการกักกันตน ในสถานพยาบาลภาครัฐและภาคเอกชนให้เป็นไปตามสิทธิ์ รวมทั้งให้ชำระส่วนเกินสิทธิ์ด้วยตนเองโดยสมัครใจ”
2. สถานกักกันในโรงพยาบาลทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine) หมายความว่า การกักกันตัวผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติรวมผู้ติดตามที่เดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลเอกชนที่กำหนด ซึ่งได้มีการนัดหมายไว้ล่วงหน้า โดยใช้สถานพยาบาลภาคเอกชนที่รัฐกำหนดให้เป็นสถานที่กักกัน เฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อโควิด – 19 (COVID – 19) พร้อมกับการรักษาพยาบาลตามกลุ่มโรค/ อาการ/ หัตถการที่นัดหมาย เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน ตามหลักเกณฑ์และแนวทาง ที่รัฐก าหนด โดยช าระค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดระหว่างการรักษาพยาบาลและกักกันตนโดยสมัครใจ ซึ่งสามารถดำเนินการได้ภายหลังที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยอนุญาตให้อากาศยาน ทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยได้
ทั้งนี้ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์แนบท้าย ให้มีผลทันที ประกาศ ณ 19 มิถุนายน 63
- ไม่สามารถใส่ชื่อเว็บไซต์ใด ๆ ก็ตาม ลงในช่องแสดงความคิดเห็น
- ระบบสามารถรับข้อความ ได้สูงสุดเพียง 2,000 ตัวอักษร ต่อหนึ่งครั้ง
- ผู้ดูแลเว็บไซต์ จะลบข้อความที่ไม่เหมาะสม และข้อความโฆษณาสินค้า หรือบริการ